Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10046
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: กลบทสุภาษิต (หลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก))
ขอบคุณรูปภาพจาก Internet กลบทสุภาษิตนี้ หลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก) แต่งจากสุภาษิตเก่า ๆ ของไทย ขยายความเป็นกลบท คลิก และกลอนสุภาพ รวมสุภาษิต ๗๒ ข้อ แยกเป็นกลบท มากกว่า ๕๐ กลบท ตามคำนำของผู้แต่งกล่าวไว้ว่า แต่งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๔ เพื่อเป็นธรรมบรรณาการสนองพระเดชพระคุณ ประดับพระบารมีเฉลิมพระเกียรติยศ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ แห่งพระราชวงศ์จักรี
ความพยายามในการแต่งคำประพันธ์อธิบายสุภาษิตมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะสุภาษิตเป็นคำพูดสั้น ๆ เป็นคติสอนใจ ถ้าไม่มีการขยายความ บางครั้งก็อาจทำให้ผู้ฟังไม่เข้าใจ หรืออาจเข้าใจไม่ถูกต้องได้ เช่น มีสุภาษิตว่า "ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดีเป็นตรา" ถ้าไม่มีคำอธิบายความว่า ปากเป็นเอกอย่างไร เลขเป็นโทอย่างไร และหนังสือเป็นตรีตามลำดับแล้ว ทำไมชั่วดีไม่เป็นจัตวา ก็ต้องขยายความพร้อมยกตัวอย่าง
หนังสือกลบทสุภาษิตของหลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก) ก็เป็นความพยายามของผู้แต่งที่จะอธิบายความของสุภาษิตไทยดังกล่าว แต่แต่งเป็นกลอนกลบทและกลอนสุภาพ เพื่อให้ง่ายแก่ความเข้าใจและจดจำ
เนื้อเรื่องของกลบทสุภาษิต
หลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก) ได้ใช้ขนบในการแต่งตามแบบบุรพกวีคือ เริ่มไหว้ครูตามประเพณีนิยมด้วยกลอนแปด จากนั้นก็ใช้กลอนกลบทขยายความสุภาษิตไปเรื่อย ๆ นับตั้งแต่กลบทพระจันทร์ทรงกลด แต่งอธิบายเรื่องอย่าละความพากเพียร แม้จะลำบากยากเย็นเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขาก็ตาม ต่อด้วยกลบทอักษรสังวาส ขยายความเรื่องอย่าหักด้ามพร้าด้วยเข่า เป็นต้น
กลบทอื่น ๆ ก็ขยายความอธิบายสุภาษิตเช่นเดียวกัน ซึ่งกลบทเหล่านี้ผู้ประพันธ์ได้นำต้นแบบมาจากกลบทต่าง ๆ ในหนังสือศิริวิบุลกิตติ์ ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา และที่ปรากฏอยู่ในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ประสมประสานกัน ชื่อกลบทก็เรียกตามชื่อแต่ครั้งโบราณ เช่น วิสูตรสองไข เสือซ่อนเล็บ นาคบริพันธ์ เบญจวรรณห้าสี ครอบจักรวาล หงส์คาบพวงแก้ว ฯลฯ แต่ละกลบทก็นำมาอธิบายสุภาษิตข้อหนึ่งบ้าง สองข้อบ้าง โดยทุกกลบทจะใช้ความยาว ๖ คำ หรือ ๓ บท รวมทั้งสิ้นมี ๕๙ กลบท
• ผู้ประสงค์ดูวิธีถอดกลแต่ละกลบท สามารถเลือกโดยคลิกที่ชื่อกลบทนั้น ๆ ได้เลย • หรือคลิก ที่นี่ คลิก เพื่อเข้าสู่หน้าห้องเรียนกลอนกลบท
รายนามผู้เยี่ยมชม : รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, หนูหนุงหนิง, น้ำหนาว, ขวดเก่า, ตูมตาม, ปลาย อักษร, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10046
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: กลบทสุภาษิต
สุภาสิตเรื่องนี้ ข้าพเจ้าแต่งเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๔ เรียบเรียงไว้ทั้งกลอนกลบท แล กลอนสุภาพ รวม ๗๒ ข้อ (ฤๅบท) เปนธรรมบรรณาการสนองพระเดชพระคุณ ประดับพระบารมีเฉลิมพระเกียรติยศ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัตยุบันนี้ ขอให้ทรงพระเจริญในศิริราชสมบัติตลอดกาลนานเทอญ
หลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก) วันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๗
รายนามผู้เยี่ยมชม : รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, หนูหนุงหนิง, น้ำหนาว, ขวดเก่า, ตูมตาม, ปลาย อักษร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10046
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: กลบทสุภาษิต
ขอบคุณรูปภาพจาก Internet กลบทสุภาษิต ผู้แต่ง : หลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก)
กลบท สุภาสิต คำเปรียบ
๐ ......................๐ น้อมวจีกายจิตรอุทิศสนอง เคารพไตรรัตนาธิคุณประคอง บำบวงผองเทพทั่วทุกพิมาน
เคารคุณครูบาบุพารักษ์ บังคมบาทจอมจักรสยามสถาน ด้วยอำนาจเดชประณามนมัสการ จงเพิ่มพรคุ้มพาลภยันตราย
ขอกล่าวคำร่ำนิพนธ์กลบท ประพันธ์พจน์ประเภทสุภาสิตขยาย เรียงระเบียบเทียบธรรมคำภิปราย บรรยายแยบนิติโดยรำพรรณเพียร
กลบท พระจันทร์ทรงกลด ๐ ลำบากก่อนก่อนทำเห็นลำบาก หวนเหียนคิดคิดหากจักหวนเหียน ผ่อนเพียรทำทำไปก่อนค่อยผ่อนเพียร ปลงใจนึกนึกอย่าเวียนเปลี่ยนปลงใจ ประกอบการการอย่าละที่ประกอบ นิไสยผลผลก็ตอบตามนิไสย เปนไปตามตามเช่นที่เปนไป สำเนากล่าวกล่าวไว้ฟังสำเนา จักกลิ้งครกครกหนักหากจักกลิ้ง ภูเขาสูงสูงก็จริงแต่ภูเขา ใจเราเพียรพียรให้แน่ใจเรา ตรึกตรองใจอย่าใจเบาพึงตรึกตรอง ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท อักษรสังวาส ๐ อย่าฝ่าฝ่ายหมายเกินกำเริบเอิบ อ้างข้างเติบมิได้ตรึกตริสนอง เห็นเช่นได้ใฝ่ด้วยข้างลำพองปอง ไม่ไตร่ตรองดูให้สิ้นนุสนธ์ยล จักหักโหมโจมเข้าจับด้ามพร้าง่า ตั้งจังก้าหักด้วยเข่าจงยลผล ควรครวญใคร่อย่าให้ป่วยสกนธ์ตน ชอบสอบค้นเสียให้แจ้งแห่งการงาน แม้แน่ใจใครฟังพินิศกิจ ถ้าว่าผิดแล้วอย่าเพ่อบรรหารขาน เหมือนเยื้อนแถมแย้มโทษประจานปาน จงปลงจิตรคิดอย่าหาญแต่เดียวเจียว ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท ธงนำริ้ว ๐ ช้าช้านึกตรึกไตร่ตรองให้ต้องกิจ ค่อยค่อยคิดคาดควรคำนวณเฉลียว ดูดูก่อนผ่อนให้สมที่กลมเกลียว จริงจริงแท้แน่เจียวอย่าวางใจ หมั่นหมั่นคิดที่ในกิจประกอบก่อ ตรองตรองข้อเสียให้ควรที่ขานใข รอรอรั้งสังเกตผลเลศกลใน อ่อนอ่อนไว้ดีกว่ากล้าอย่าแรงรัน คล้ายคล้ายคำร่ำว่าเหมือนฆ่าช้าง แท้แท้ทางหวังเอางาเท่านั้นนั่น เหมือนเหมือนกิจน้อยจ่ายใช้ทุนอัน มากมากครันคิดไม่คุ้มที่ขาดไป ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท วิสูตรสองไข ๐ ผเดิมผดุงมุ่งมาดขนาดขนบ ให้แจ้งให้จบครบพิศนิสิทธิ์นิสัย อย่าเพลิดอย่าเพลินเมินพลั้งละลังละไล วิจารณ์วิไจยในเหตุสังเกตสังกา ระบิลระบอบกอบการสมานสมัคร ประจงประจักษ์แจ้งที่ประสีประสา ใช่กมใช่การพานผิดประดิษฐ์ประดา ใช่ทางใช่ท่าอย่ายลกระวนกระวาย ใช่เรื่องใช่ราวกล่าวโทษประโยชน์ประหยัด พิบากพิบัตทัดทำระส่ำระสาย เสมอเสมือนเตือนตนทุรนทุราย ระคนระคายสิ่งซึ่งไม่พึงไม่พอ ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท เสือซ่อนเล็บ ๐ รู้ว่ายากหากเห็นเช่นว่าทุกข์ ทางนี้ศุขปลุกปลื้มลืมนี้หนอ รำพึงเพียรเวียนวนทนพึงพอ เพียรวนล่อต่อตั้งกังวลใจ ยลแต่อย่างต่างรู้อยู่แต่ยาก เหลือนิหากจากล้นพ้นนิสัย เหมือนคว่างงูชูเชิดเปิดกว้างไป ก็กลับใกล้ไคล้ยุดฉุดกลับมา สิ่งที่เบื่อเหลือเบือนเหมือนที่รัก ต่างร่ำผลักมักเปนเช่นร่ำว่า รำคานไหนใฝ่เฝ้าเข้าคานตา เช่นคอยท่าหาศุขทุกข์คอยรึง ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท นาคบริพันธ์ ๐ กุมภาพาลชาญชลาสาคเรศ สาครินทร์ถิ่นประเทศสำนึกสึง สำนึกสู่อยู่ประจำอย่ารำพึง อย่ารำพรรณอันซึ่งจะวายชล จะวายชาญหาญกล้าดีกว่าสอน ดีกว่าสั่งฟังดูก่อนใช่เหตุผล ใช่เหตุเผื่อเจือจานป่วยการกล ป่วยประกอบชอบแต่ยลดูท่าทาง ดูท่าที่ที่จะสั่งจะสอนศิษย์ จะสอนสู่ดูชนิดอย่าอางขนาง อย่าอ้างขนาดคาดคะเนคะนึงพลาง คะนึงพลอยคล้อยเปนกลางอย่างเอียงเอง ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท เบญจพรรณห้าสี ๐ อย่าหยิ่งเย่อยกย่องลำพองพิษ อาจโอ้อิทธิ์อวดอ้างอย่างข่มเหง ขอดข้อนแข้นขู่ข่มให้เขาเกรง โฉดโฉงเฉงเฉาฉ่าชะล่าใจ ทำท่วงทีท่าทางวางจังหวะ โกงเกะกะก้าวก่อข้อคำไข ล้วนเล่ห์ลิ้นลวงลอดสอดกลไก เหน็บแนมในนึกน่าระอาคำ ถ้าถึงถ้อยถอยถดสลดหลบ จับจริงจบเจิ่นเจนก็เอนถลำ เหมือนไม้เมามูลมอดทอดทิ้งทำ กลับกลอกกล้ำเกลื่อนกลายคลายกำลัง ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท ครอบจักรวาล ๐ รู้สิ่งไรร้ายแรงยากอย่าอยากรู้ หวังแว่วหูปากจะนิ่งอย่ากริ่งหวัง ดังหนึ่งฆ้องก้องเสียงสำเนียงดัง ตีหยุดยั้งยังกังวานนานกว่าตี ผิดคำกล่าวราวกับพาให้หาผิด ที่จะมิดอย่าพึงหมายมิใช่ที่ ดีแลชั่วตัวของใครนิ่งไว้ดี ควรต้องทำจะต้องชี้แต่ที่ควร ช้างตายเน่าเอาใบบัวปิดตัวช้าง สงวนบ้างมิใช่ข้ออย่าพอสงวน ชวนเสียกิจผิดระบอบอย่าชอบชวน เดาอย่าด่วนใจหวังลำพังเดา ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท หงส์คาบพวงแก้ว ๐ มีการทำทำไม่ถูกถูกที่ผิด มีความคิดคิดไม่ต้องต้องโฉดเฉา จักโทษใครใครจะทำทำให้เรา นั่งนึกเศร้าเศร้าโศกซ้ำซ้ำจนใจ เหมือนตาบอดบอดแล้วมามาได้แว่น ดูยากแสนแสนสุดสิ้นสิ้นนิไสย จับขึ้นลูบลูบคลำแล้วแล้ววางไป ตั้งแต่ใคร่ใคร่ครวญนึกนึกตื้นตัน จะตรึกตรองตรองให้รอบรอบรู้กิจ กอบการผิดผิดแล้วยากยากผ่อนผัน อย่าหุนหวนหวนใจดูดูสำคัญ ให้เหมาะมั่นมั่นแม้นมุ่งมุ่งระวัง ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท ฟักพันร้าน ๐ จากเพียรเจียรเพื่อนเจื่อนพวกจาก ฝังให้ใฝ่หากฝากห่วงฝัง บังกิจบิดเกียดเบียดกลบัง ใยทนยลทั้งยั้งทุกข์ใย ตรึกสมตรมซร้องต้องสิ่งตรึก ไหนแล้วแนวลึกนึกเล่ห์ไหน ใดชื่นดื่นชวนด่วนเช่นใด ยลขำย้ำไขไยข่าวยล ผ่อนขัดผัดขันผันข้อผ่อน หนไรให้ร้อนห่อนรู้หน จนค้างจางคิดจิตค่อยจน กายหวังกังวลกลว่างกาย ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท นาคเกี้ยวกระหวัด ๐ ผู้ใหญ่สอนผ่อนตามให้งามเงื่อน เงื่อนงามความท่านเตือนเหมือนมุ่งหมาย หมายมุ่งตรองมองให้เห็นอย่าเว้นวาย วายเว้นเช่นเชิงหมายให้ควรการ การควรอย่าเพ่อหวนโกรธตอบต่อ ต่อตอบเห็นชอบข้อจึงไขขาน ขานไขคำถามทัดให้ชัดชาญ ชาญชัดจัดวิจารณ์ให้แจ้งใจ ใจแจ้งอย่าระแวงแคลงคิดผิด ผิดคิดคัดดัดจิตรอย่าหลงใหล ไหลหลงตามความเชือนกลับเกลื่อนไกล ไกลเกลื่อนกลับนับให้ใจดาลดวง ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท นาคราชแผลงฤทธิ์ ๐ คำคารมลมลิ้นเล่ห์อุบายบอก ออกบทเบื้องเยื้องยอกใจห่วงหวง จ้วงเหตุหาท่าช่องชี้นี่ไยยวง หน่วงยุดอย่างต่างดวงเมตตาใจ ไม่ต่างจิตรคิดว่าจริงทุกสิ่งล้วน ถ้วนแสนหลากยากประมวลหมดสงไสย ไม่สอดส่องดูให้ต้องตามเลศไนย ไต่เล่ห์นึกตรึกไตรดูท่วงที ดีทุกท่าทางมายามีหลายหลาก มากเหลือล้ำตามยากแต้มสอดสี ตีส่วนสองให้เห็นช่องชอบเชิงที ชี้ชวนทางอย่างแต่มีล้วนอาการ ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท บัวบานกลีบขยาย ๐ ไม่ควรคิดก็อย่าคิดเข้าต่อล้อ ไม่ควรข้อขอดเขาด้วยโวหาร ไม่ควรเปนก็อย่าเปนเหมือนเช่นพาล ไม่ควรสมานอย่าสมัครสมาคม ไม่ควรรอก็อย่าต่อเข้าต้านตัด ไม่ควรทัดทานถ้อยอย่าทับถม ไม่ควรชิดอย่าสนิทสนมชม ไม่ควรข่มก็อย่าข้อนให้เคืองคำ ไม่ควรหาญอย่ารานให้ร้อนร้าว ไม่ควรกล่าวพึงระวังอย่างพลั้งถลำ ไม่ควรเปิดก็อย่าเชิดชูเงื่อนงำ ไม่ควรทำตรองท่าพยุงจูง ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท อักษรสลับล้วน ๐ การก่อนกอบชอบช่องเช่นเห็นเหินห่าง จำจากจางหมางเมินม่ายฝ่ายฝ่าฝูง ยลเยี่ยงอย่างพ่างพื้นเพื่อเจือจานจูง สิ่งส่วนสูงมุ่งเมียงมาดคาดเคียงควร เอื้อนออกอ้างอย่างยิ่งยากบากเบือนเบี่ยง พูดพอเพียงเอียงอ่อนโอษฐ์โหดหวงหวน เพราะพริ้งพร้อมกล่อมกล่าวกลืนชื่นชอบชวน โลมเล่ห์ล้วนยวนแย้มยั่วทั่วถ้วนทาง แถวถิ่นเถินเนินน่านน้ำข้ามเขตรโขด ห้วงหาดโหดโฉดเชื้อชักขวักไขว่ขวาง แม้ไม่มีที่ทัดทันกั้นกีดกาง แบ่งเบาบ้างข้างข้อคำร่ำรีรอ ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท มยุราฟ้อนหาง ๐ ดูดูท่าอย่าเลินเล่อเผลอบ่อยบ่อย คุมคุมใจไว้อย่าปล่อยไปปร๋อปร๋อ เหมือนเหมือนอย่างทางที่เปนเช่นพอพอ ตรองตรองใจที่ในข้อให้ควรควร เปรียบเปรียบว่าบุตรภรรยาคนใช้ใช้ ปล่อยปล่อยปละละให้ฮึกหวนหวน เฉยเฉยเสียไม่สั่งสอนข้อนชวนชวน กล้ากล้านักมักก่อกวนจะแรงแรง มีมีแต่ต่างจะดื้อถือปึ่งปึ่ง ข้อนข้อนข้างวางข้อขึงขึ้นแขงแขง คล้ายคล้ายช้างห่างขอมักแคลงแคลง ชวนชวนชักมักระแวงจงจำจำ ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท ยัติภังค์ ๐ ครูสอน สอนก็ได้ แต่ใจภัก ดีต่อ ต่อที่รัก ทุกคำสำ เหนียกกล่าว กล่าวคิด พินิจดำ ริห์ชอบรู้ รู้จำ สุนทรภา สิตเปรียบ เปรียบแม้น เหมือนหนึ่งสัง คีตดีด ดีดประดัง ทุกสิ่งสา มารถพร้อม พร้อมเพราะ เสนาะอา ไลยชวน ชวนกระบือร่า ให้ฟังบรร เลงขับ ขับก็ป่วย เวลาปรา รภเรื่อง เรื่องจะหา หรือรู้ฉัน ใดเพราะ เพราะจะเพียร ก็ยากพรร ณาสอน สอนพาลนั้น ย่อมยากแสดง ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท ละเวงวางกรวด ๐ ผู้พ่ายแพ้ผ่อนหลบหลีกลับเลี่ยง พึงพอเพียงอย่าควรข่มขัดแขง จวบเจียรจวนจนท่ารุกเร้าแรง พล้ำพลาดแพลงพลั้งตนจักจนใจ เหี้ยมฮึกเหิมหาญนักมักมึนม่อย น้ำหนองน้อยแหนงเพลิงสิ้นสงไสย หมิ่นเมินมากหากกลับกลัวเกลื่อนไกล เห็นเหตุให้หวนแปรแท้ทางที ดูใดโดยให้ต้องชันเชิงชอบ รู้เรื่องรอบอย่าระแวงหน่ายแหนงหนี พึงเพ่งพิศคิดหาท่าท่วงที โอบอ่อนเอื้ออารีการเกื้อกูล ฯ ๖ คำ ฯ
|
• ผู้ประสงค์ดูวิธีถอดกลแต่ละกลบท สามารถเลือกโดยคลิกที่ชื่อกลบทนั้น ๆ ได้เลย • หรือคลิก ที่นี่ คลิก เพื่อเข้าสู่หน้าห้องเรียนกลอนกลบท
รายนามผู้เยี่ยมชม : รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, หนูหนุงหนิง, น้ำหนาว, ขวดเก่า, ตูมตาม, ปลาย อักษร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10046
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: กลบทสุภาษิต
กลบท กินนรรำ ๐ ขจัดจิตรชนิดหน่ายระคายข้อง ระเบียบเบื้องกระเตื้องต้องสนองหนูน คดีดูจะชูช่องประคองคูณ จะลึกลับจะพับภูลประมูลมี คะนึงนึกตริตรึกตรองละบองแบ่ง ระบิลเบื้องยุเยื้องแย้งแขนงหนี คะเนนับสดับดูกระทู้ที จะต้านต่อหรือรอรีคดีดู พินิจแหนงระแวงวนฉงนเงื่อง จะค้านคัดประหยัดเยื้อง ณ เรื่องรู้ จะหมองหมางระคางคิดจะชิดชู กระแสศัพท์สดับดูจะรู้รา ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท เจ้าเซ็นเต้นต้ำบุด ๐ สุดจะค้นสนข้อส่อคำสอน เห็นข้อนห่อนควรหวนคิดหา เรื่องต้องร้องต่างร้างตำรา ยิ่งท่ายากทางอย่างที่ยล สอนพาลสารเพียงเสียงภาสิต สิ้นคิดสุดแค้นแสนขัดสน ยากพ้อยอพาอย่าพึงยล เกียจปนกลปองกองป่วยการ แก้วเพ็ชร์เก็จผ่องก่องผิวก่ำ หากล้ำให้เหล่าแห่งลิงหาญ นึกไว้ในว่าน่าหวังนาน แรงค้านรานคำร่ำคนเรา ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท นารายณ์ประลองศิลป์ ๐ สำเนาเขาสำนวนควรสำเหนียกคิด ประกิตชิดประกอบชอบประกันเฉา คนึงดึงขนัดดัดคะเนเดา มิเศร้าเหงามิส้อนงอนมิสิ้นงาม ระบิลลิ้นนระบายลายระเบียบเลศ นิเทศเหตุนิทัศน์หัดนิทานห้าม ประจบนบประจักษ์นักประจงนาม จะซามตามจะเสริมเติมจะเสื่อมตน ฉลาดปราชญ์เฉลียวเปรียวเฉลยเปรียบ ประเทียบเพียบประทับพับประเทืองผล ขนานการขนอบกอบขนบกล จะยลบนจะเยื้องเบื้องจะยากบัง ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท ฉัตรสามชั้น ๐ กล่าวคำคิดจิตรจำคิดคำกล่าว หวังว่าควรสวนสาวหาควรว่าหวัง ฟังความในให้แน่ตามในความฟัง ควรให้ตรองต้องตั้งใจตรองให้ควร เหตุผลเปนเช่นใดยลเป็นผลเหตุ หวนหักใจให้สังเกตใจหักหวน ครวญใคร่ความงามใจความใคร่ครวญ กลเล่ห์ล้วนรวนเรล้วนเล่ห์กล หน้าหลังคิดจิตยั้งคิดหลังหน้า ผลเห็นทางอย่างท่าเช่นทางเห็นผล ตนหลบหลีกปลีกซบหลีกหลบตน การแบ่งพอให้พ้นแหนงพอแบ่งการ ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท กบเต้นต่อยหอย ๐ ใจหวนคิดจิตรห่วงข้องคือขุมทุกข์ ไม่จืดจางหมางจากศุขในสงสาร ปางเมื่อเห็นเปนมาให้ใจรำคาญ ชวนต่อกอบชอบแต่การลำบากกาย เพื่อตัณหาพาเตือนให้เป็นห่วงยุด เปลื้องไม่ลงปลงไม่หลุดสุดสิ่งหมาย ลูกที่รักลักที่รู้อยู่ทุกราย เปนเช่นบ่วงปวงชนบ่ายไม่พ้นคอ เหตุโลภมากหากลาภมุ่งบำรุงจริต เหลือทางปลดลดทิ้งปลิดจริงเจียวหนอ ที่สันดานท่านสันโดษประโยชน์พอ มาตรไม่เตือนเหมือนไม่ต่อส่อเค้ามูล ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท สร้อยสน ๐ จะเผื่อแผ่ แผ่ผล พิศพื้นพืช พืชที่ ที่นั้นจืด ป่วยปุ๋ยหนูน หนูนเปล่า เปล่าเปลืองเชื้อ ที่เกื้อกูล กูลกิจ กิจจะภูล พอภูมิ์ยล ยลสิ่ง สิ่งไรเกิน กว่าแรงมาก มากเพียร เพียรภาค แต่เพียงผล ผลได้ ได้โดยที่ ลำพังตน ตนคิด คิดผ่อนปรน ปรองดองใจ ใจจะเอื้อ เอื้อเฟื้อ อย่าเหลือส่วน ส่วนแบ่ง แบ่งที่ควร จึงค่อยให้ ให้มาก มากพ้น ประมาณไป ไปเนิ่นเนิ่น อย่าเกินใน ความอารี ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท สิงโตเล่นหาง ๐ อย่าจงเจียดเบียดเบียนทรัพย์กับผู้ยาก ถึงน้อยมากหากคิดไปไม่ถูกที่ ดูเหลือแค่นแสนลำบากยากจะมี ใช่วิถีที่จะเดินเขินใจตน เหมือนหาเลือดเชือดตีนปูดูเปนขัด จะลิดลัดตัดต่อยหักสักพันหน ก็เห็นเหนื่อยเมื่อยมือเปล่าเศร้าใจจน ยากจะค้นพ้นแห่งหาน่าอายใจ กอบการกิจคิดผันผ่อนอ่อนโอบเอื้อ ตรองจิตเจือเชื้อเชิงชัดอัชฌาไสย อารีรอบกอบเมตตาปรานีใน สิ่งชอบให้ใจแช่มชื่นรื่นรมย์ยล ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท ละลอกแก้วกระทบฝั่ง ๐ การไรทำกิจร่ำถึงอย่าพึงทิ้ง คดโดยใจคาดได้จริงเปนสิ่งผล ท่าเกิดชอบทางกอบช่วยอำนวยตน หวังสิ้นทุกข์ไว้ศุขทนผ่อนปรนปรือ แม้แจ้งทำไม่จำทอดธุระร้าง หากแผกคิดเห็นผิดข้างไม่ควรถือ ใจตรองนึกจิตตรึกหน่วงให้แน่มือ เพลี่ยงที่ค้างพลาดทางคือคิดใคร่ครวญ สิ่งไรทำสอบร่ำท่องให้ต้องที่ อย่าเบือนหน่ายอย่าบ่ายหนีไปโดยด่วน หวังผู้อื่นเว้นพื้นเองเกรงไม่ควร เช่นทางเลี้ยวชักเที่ยวล้วนป่วนใจงง ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท มังกรคาบแก้ว ๐ กอบกิจใดให้พินิจดูกิจกอบ หลงอย่าลืมปลื้มแต่ชอบที่อย่าหลง พงษ์พื้นเผ่าเหล่ามิตรพิศพื้นพงษ์ ไกลใกล้เรียงเคียงคงวงษ์ใกล้ไกล แผ่เผื่อจิตรคิดโอบเอื้อจักเผื่อแผ่ ไหนที่ควรครวญให้แน่แท้ที่ไหน ใจที่รักจักอารีดูที่ใจ ควรจะผ่อนหย่อนให้อย่างไรจะควร ที่ควรให้ฤๅไม่ให้ให้ควรที่ หวนหักจิตรคิดให้ดีอย่าหักหวน ครวญใคร่ความตามทำนองตรองใคร่ครวญ พรายแพร่งมีแต่ที่ควรจะแพร่งพราย ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท กบเต้นสามตอน ๐ ใช่การชาญกอบชอบกิจ เพ่งมองผองมิตรพิศหมาย ข้อกล่าวข่าวกล้ำคำกลาย เหมือนแทนแม่นทายหมายที ตริจงตรงจองตรองแจ้ง เยื้องหน่ายย้ายแหนงแย้งหนี หลีกเดาเลาด่วนล้วนดี ท่าหมางทางมีที่มา คำร้อนข้อนแรงแข่งรู้ เพื่อนหูผู้หาญพาลหา เช่นเพื่อเชื่อพักชักพา น้อยอับนับอ้าน่าอาย ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท กินนรเก็บบัว ๐ อย่าพึงด่วนพึงดูให้รอบคอบ จะควรชอบควรชังฟังเงื่อนสาย จงตรองหน้าตรองหลังสังเกตกาย อย่าคิดหมายคิดมุ่งแต่ใจตน หากจะโกรธจะแค้นแสนสาหัศ พึงประหยัดประโยชน์เพ่งให้พอผล แม้ควรหยุดควรยั้งชั่งกระมล อย่าทุรนทุรายหวังลำพังใจ สิ่งที่ร้าวที่รานประหารหัก แล้วจะชักจะชอบอย่าสงไสย ฟังคำนวณคำนึงคะเนใน ที่สิ่งไรสิ่งร้อนผ่อนให้ครวญ ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท ตรีพิธพรรณ ๐ สกุลลักษณ์ลักษณส่อนรลักษณ์ พิศผิวภักตร์ภูมิภักตรจะภักสงวน ทั้งถ้อยคำคมคำทุกคำควร ฟังสำนวนน้ำนวนชะนวนใน เมื่อต่อหน้าดูหน้าก็น่าคบ ลับหลังหลบเหลือหลบหลบไม่ไหว ดูแสนกลซ่อนกลซ้อนกลไก ล้วนเลศในแนมในอยู่ในที พอเห็นท่าพลั้งท่าเปนท่าได้ ก็ตรองใจกริ่มใจเอาใจหนี ใครหลงลมเชื่อลมลิ้นลมมี ก็แต่ที่ถึงที่ที่อัประมาณ ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท พยัคฆ์ข้ามห้วย ๐ ไม่ควรล้อก็อย่าเพียรเล่นเลียนล้อ ดูสัณฐานที่จะยอพอภูมิ์ฐาน รู้ว่าพาลแล้วอย่าชิดสนิทพาล อัชฌาชนยลประมาณในเชิงชน ความถือผิดจิตชอบแต่เช่นผิด ไม่ใช่ผลที่จะคิดตรองเหตุผล ถือใจตนตามหวังลำพังตน พึงตรองเพียงใจจนให้พอเพียง แม้พลาดท่าพาถลำช้ำเสียท่า จะแส้เสียงเซ็งซ่าเขาสรวลเสียง จะแคะเคียงค่อนเปรียบพูดเลียบเคียง จงเยื้อนยลแยบเยี่ยงให้ควรยล ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท ตรีประดับ ๐ จะจับจองจ่องจ้องสิ่งใดนั้น ดูสำคัญคั่นคั้นอย่างันฉงน อย่าลามลวงล่วงล้วงดูเลศกล ค่อยแคะคนค่นค้นให้ควรการ อย่าเคลิ้มคำคล่ำคล้ำแต่ลำโลภ เที่ยวหวงห่วงห้วงละโมภละเมอหาญ สิ่งใดปองป่องป้องเปนประธาน อย่าด่วนดานด่านด้านแต่โดยใจ จับปลาชอนช่อนช้อนสองกรถือ ข้างละมือมื่อมื้อจะมั่นไฉน เพื่อระแวงแวงแว้งพลิกแพลงไป ครั้นจะวางว่างว้างไว้ดูลานเลว ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท ก้านต่อดอก ๐ เปนผู้น้อยน้อยหน้าสังเวชเนตร อย่าบังเหตุหาญข้ามปล่องเปลวเหว กำลังน้อยถอยแรงยอมเร็วเลว รู้ว่าเปลวไฟฝอยอย่างชุมรุม แม้ควรดับดับไว้ให้มิดชิด ไม่ควรปิดปกป้องอย่าคลุมสุม ที่สูงยศลดหาอย่ารุมคุม เอาโทษทุ่มทับท่านไม่งามความ เหมือนไม้ซีกฉีกช้อนค้อนคัดงัด คุ้ยเขี่ยคัดขอนซุงทำสามผลาม ถ้าเพลี่ยงพล้ำซ้ำพล่ายป่ายลามปาม เหมือนหาความทุกข์ใส่สกนธ์ตน ฯ ๖ คำ ฯ
กลบทกระแตไต่ไม้ ๐ ไม่ควรหาถ้าเห็นหาควรไม่ หนแห่งรู้อยู่อย่างไรใช่แห่งหน จนใจจำซ้ำให้จำใจจน คำกล่าวหากจากตนที่กล่าวคำ ซ่อนสิ่งใดไม่เปิดจริงที่สิ่งซ่อน ถลำคำให้เขาค่อนเพราะคำถลำ งำเงื่อนปิดผิดเหมือนเปิดเชิดเงื่อนงำ ที่เชิงลับกลับจะนำในเชิงที บอกเล่าเหตุเลศเลาเขาเล่าบอก ชี้ช่องโพรงให้กระรอกใช่ช่องชี้ ดีสิ่งเดียวแต่ที่นิ่งเปนสิ่งดี เออออไปมิใช่ที่จะออเออ ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท กบเต้นสลักเพชร ๐ ยลแต้มผู้อยู่ตามเพื่อนเยื้อนต่อภักตร์ เหิมใจเพลินเหินจิตรผลักหักจักเผลอ ยามลาภมากยากโลภมาอย่าละเมอ รังแต่จำร่ำตั้งเจ๋อเร่อตามใจ ตัวไม่ยลตนเมินอย่างต่างมากหยิ่ง ทางนี้ศุขทุกข์นั้นสิ่งทิ้งนิไสย มีก่อนจนมนเกินเจียนเมี้ยนแก่ใจ เยี่ยงท่าหมางอย่างเทียบไหมไยที่มี งอกเกินตอนงอนเกินตามงามก่อนแต่ง เคลิ้มสู้หน่ายคลายส่วนแหนงแคลงสิ่งหนี พวกแจ้งหยันพันธุ์เจาะเยื้อนเพื่อนจวบยี แท้ช่องหมายทายเช่นมีทางชี้มา ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท อักษรล้วน ๐ ย่อมยลยิ่งอย่างยอดยากยกยอ หน่ายแหน่งหนอหนางนึกหน้าเหนื่อยหนา จำใจจนจริงเจียวจักเจรจา ด้วยดื้อดาเดียวโดยดัดใดดี สุดสิ่งสรรพสอนสิ้นสักแสนเสศ ทั่วทุกเทศทางท่าท่วนทิศที่ มวดม้วยมาดมุ่งเมินไม่มองมี ล้วนเลิกลี้เลงลับละลานแล การเกียจกลเกินกิจก่อนกายกอบ เห็นเหตุหอบหากให้เหินห่างแห ร้างเรียนไร้แรมรู้เริศรอแร พ้นพากย์พ้อเพียรแพ้เพียงพวกพาล ฯ ๖ คำ ฯ
|
• ผู้ประสงค์ดูวิธีถอดกลแต่ละกลบท สามารถเลือกโดยคลิกที่ชื่อกลบทนั้น ๆ ได้เลย • หรือคลิก ที่นี่ คลิก เพื่อเข้าสู่หน้าห้องเรียนกลอนกลบท
รายนามผู้เยี่ยมชม : ขวดเก่า, รพีกาญจน์, ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, ลมหนาว ในสายหมอก, ตูมตาม, หนูหนุงหนิง, ปลาย อักษร, ก้าง ปลาทู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10046
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: กลบทสุภาษิต
กลบท รักร้อย ๐ ผู้ดุร้ายร้ายแรงแล้วแหนงหน่าย อย่าหมิ่นหมายหมายมาดอวดอาจหาญ อย่าขู่ข่มข่มคำให้รำคาญ ทำพะพานพานพ้องให้หมองกัน สันดานคนคนร้ายนิไสยดุ มุทะลุลุอำนาจมาก่อนนั้น กลับความคิดคิดดับระงับครัน ที่แผลคันคันเก่าอย่าเกากวน เห็นเสือนอนนอนระวังอย่าพลั้งท่า มีไม้อย่าอย่าแหย่เข้าแส่สวน หากว่าตื่นตื่นตกใจสิไม่ควร พึงใคร่ครวญครวญใคร่ให้วิจารณ์ ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท กบเต้นกลางสระบัว ๐ คิดมาดคาดมั่นสำคัญคิด หาญใจให้จิตรเหมือนคิดหาญ การตนกลตั้งระวังการ ตรองนึกตรึกนานคะนึงตรอง เช่นใดใช้ดูให้รู้เช่น หมองใจไม่เจนเจิ่นจิตรหมอง ปองไรไป่รอบอย่าริปอง ควรมั่นคั้นมองให้สมควร จับงูจู่ง่ายจะหมายจับ หวนกลางหางกลับเกลือกหกหวน ซวนหลบซบเล่ห์หากเซซวน มัวที่มีท่าล้วนมวนมึนมัว ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท สะบัดสะบิ้ง ๐ เห็นท่านที่มีทรัพย์จะจับจะจ่าย ดูฟูมฟายมิได้หน่วงจะห่วงจะหัว ทั้งเก็บได้ใช้พลันไม่พันไม่พัว อย่าเผลอตัวตามท่านใช่การใช่กล เรามีน้อยค่อยจำกัดขยัดเขยี่ย ไม่ควรเสียก็อย่าจ่ายกระส่ายกระสน ทำได้น้อย ใช้น้อยระค่อยระคน อย่าเดือดร้อนดิ้นรนกระวนกระวาย เห็นช้างใหญ่ถ่ายมูลอนูนเอนก อย่าโหยกเหยกถ่ายตามระส่ำระสาย พิศสกนธ์ยลทำเนียบระเบียบระบาย จงตริกายตรองกอบระบอบระบิน ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท วัวพันหลัก ๐ ไม่ใช่การที่จะภารหุงข้าวคด คดตะกุยคุ้ยประชดสุวาณถวิล ถวิลหวังตั้งใจจะให้กิน กินเท่าไร่ไหนจะสิ้นที่หิวมา มาคิดดูมิใช่กิจจะคิดกอบ กอบการกิจคิดให้ชอบทั้งหลังหน้า ถ้าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยหนักชักเชือนพา พาป่วยการเสียเวลาที่หุงทำ ทำสิ่งไรควรให้คิดพินิจก่อน ก่อนที่ทำจำที่สอนอย่าเพลี่ยงพล้ำ พล้ำพลาดท่าพาขาดทุนมิควรทำ ทำเสียทำแล้วจะซ้ำเสียกอบเติม ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท สารถีชักรถ ๐ ควรคิดนึกตรึกส่วนไม่ควรคิด สอดเสิมกิจให้ตลอดจึงสอดเสิม ต่อเติมตามงามเงื่อนพอค่อยต่อเติม ผิดทางเดิมโดยที่คิดเห็นผิดทาง ประโยชน์ให้ให้เห็นที่เปนประโยชน์ ที่หมางโทษเหมือนที่มีที่หมาง ระคางจิตรคิดน่าจะพาระคาง ไว้มีอย่างอ้างเทียบเปรียบไว้มี เห็นแล้วการที่เปนเขาเห็นแล้ว เก็บหนีปลาอย่าใกล้แมวให้เก็บหนี ไม่มียิ่งปิ้งประชดหมดไม่มี เลื่อนลอยเปล่าเล่าใช่ที่จะเลื่อนลอย ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท สุรางค์ระบำ ๐ อย่าคิดมาดขาดมั่นสำคัญมุ่ง ในทางฟุ้งทุ่งเฟื้อที่เทื้อฝอย ไม่แน่เรื่องเนื่องเร้าสำเนารอย เป็นข่าวพลอยคอยพล่ำด้วยคำเพลิน ไม่เข้ากิจคิดการรำคาญกอบ ไม่รู้ขอบรอบขายเปนรายเขิน คิดท่าได้ถ่ายเดียวเฝ้าเที่ยวเดิน อย่าเห็นเกินเหินการทำหาญกาย ที่จักมุ่งจุงมองที่จองมั่น อย่าผลักหันพลันห่างพลั้งพลางหาย ในเรื่องคำร่ำข่าวที่ร้าวระคาย คำภิปรายภายเปรียบเพียบปรวนแปร ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท ดวงเดือนประดับดาว ๐ การกิจชิดเช่นเห็นเหตุโหด ทางโทษโฉดเชื้อเนื้อแหนงแหน เกลี่ยกลบลบเลื่อนเชือนชวนแช กลแก้แท้ทำงำเงื่อนเงา ลวงเล่ห์เททอดสอดเสแสร้ง เกลื่อนแกล้งแต่งต่อข้อขำเขา ยกอย่างอ้างอวดลวดเลศเลา กล่าวเกลาเนาแนบแยบยลยวน ปกปิดมิดเม้นเส้นเสี้ยนสิ้น ลมลิ้นยินเย็นเห็นหกหวน ฟังเฝือเหลือล้ำคำคมควร เล่ห์ล้วนป่วนปิดกิจกลการ ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท ช้างประสานงา ๐ สิ่งใดเป็นเช่นธรรมดากิจ มีโดยการฐานชนิดนิไสยสานต์ ในสิ่งสิ้นโดยระบินบุราณนาน บ่ร้างเนิ่นแน่ประมาณประมวญยล เปรียบเหมือนอย่างค่างลิงกับต้นไม้ ก็ต่างมีฝักฝ่ายใช้ฝึกฝน ชอบแฝงฝ่าหาตามประเภทตน เปรียบเพียงต่างอย่างทุพลลำพองกาย เหล่าพื้นกิจทุจริตไม่ต้องสอน มีตามส่วนล้วนข้อนจะเกินหมาย ใจกอบมั่นสันดานกระด้างกาย กระเดื่องกิจคิดแต่ร้ายในตนเอง ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท พวงแก้วกุดั่น ๐ ให้รู้การรู้ประมาณประมวญกิจ ให้รู้ผิดรู้ชอบอย่าโฉงเฉง ให้รู้กลรู้ประกอบรู้ชอบเพลง ให้รู้ระเบงรู้ระบอบรู้รอบการ ให้รู้กำลังหวังที่รู้ดูระเบียบ ให้รู้เทียบรู้ทันรู้สัณฐาน ให้รู้เชิงชั้นสันทัดรู้ชัดชาญ ให้รู้วิจารณ์รู้แจ้งให้เจนใจ ให้รู้กล้ารู้กลัวรู้ทั่วอย่าง ให้รู้ทางรู้ทิศพินิจไฉย ให้รู้รอบผลเหตุรู้เลศนัย ให้รู้ไว้ให้เปนหลักรู้จักกระบวน ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท ดำเนินนางสระ ๐ พึงเพ่งเลงเลศสังเกตกิจ จองจิตรชิดชอบพึงสอบสวน ตรอกตรึกนึกนบดูทบทวน เผลอพลางห่างหวนมักจวนจน พื้นพาลการกอบระบอบบท งามงดชดช้อนคิดผ่อนผล สินทรัพย์จับจ่ายอย่าป่ายปน ฝ่าฝากยากยลจักจนใจ เที่ยงแท้แน่นักประจักษ์จิตร ใช่เช่นเกณฑ์กิจลิขิตไข ผันผ่อนหย่อนยลเชิงกลไก หน่วงนึกตรึกไตรไว้ได้ดู ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท ตรีเพชรพวง ๐ การสิ่งไรไร่ไร้ที่เรียนร่ำ ย่อมเพลี่ยงพลำพล่ำพล้ำพลั้งตาหู หลนปลาร้าร่าราเร่หาครู ย่อมอดสูสู่สู้ชังกายทำ วิชาสอนซ่อนซ้อนผู้เกียจกล แม้นหมั่นคนค่นค้นไม่ลึกขำ ถึงเลวลวนล่วนล้วนก็ควรกำ หมดใจจำจ่ำจ้ำให้เจนจริง ไม่ควรวางว่างว้างระหว่างวัน ส่วนสำคัญคั่นคั้นทุกสิ่งสิง เปนที่ปองป่องป้องปิ้มประวิง เช่นยายิงยิ่งยิ้งกำเบือนบัง ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท ม้าเทียมรถ ๐ กำลังมากหากประกอบแต่เกียจคร้าน เกียจคร้านการงานงงพะวงหลัง พะวงหลังตั้งไว้ฝ่ายลำพัง ลำพังตนยลยั้งไม่ตรองการ ตรองการใดไม่สำเร็จเสร็จการกิจ การกิจกอบมิได้คิดให้แตกฉาน แตกฉานชัดจัดให้เจนเช่นเชิงชาญ เชิงชาญกอบชอบการอย่าคร้านกาย คร้านกายมักชักพาหาถ้าขัด ถ้าขัดขวางอย่างขจัดให้จากหาย จากหายเพียงเลี่ยงศุขสู่ทุกข์ทาย ทุกข์ทายทับนับแต่รายจะยากยล ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท เทพชุมนุม ๐ หวานเพลินเกินการจนหวานสิ้น ฉุนชื่นลิ้นกลิ่นกลั่นล้วนสรรค์ผล เพียรปั้นป้อนข้อนคั้นขึ้นปันปน จวนเจียนจนยลยวนเช่นชวนพะวง พึงกริ่งตรองจองแจ้งแสร้งสิ่งยั้ง เฟื่องฟุ้งฟังพลั้งแพลงคลังแคลงหลง ปางปองจองแจ้งแห่งจริงจง ง่วงโงงงงปลงเปลื้องเครื่องลังเล ปะทะที่ทีท่าระอาท้อ มิใช่ข้อส่อแต่จะแส่เส ไฉนหนอต่อจะรู้สิปรูเปร ถ้าคะเนดูในทีน่ามีไภย ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท คมในฝัก ๐ คำคมคนคนคมคำฟังกำหนด จดจำดูดูจำจดพยศไฉน ผันผ่อนคิดคิดผ่อนผันจะฉันใด ให้ทางท่าท่าทางให้ดูในที ควรที่ชอบชอบที่ควรอย่าด่วนได้ ไว้แบบอย่างอย่างแบบไว้อย่าหน่ายหนี ตริใคร่ครวญครวญใคร่ตริตามวิธี ดีฤๅร้ายร้ายฤๅดีย่อมมีทาง ตรึกตรองก่อนก่อนตรองตรึกรฦกถวิล ลิ้นลมเล่ห์เล่ห์ลมลิ้นอย่าหมิ่นหมาง ควรไม่จืดจืดไม่ควรอย่าชวนจาง สางเสาะสืบสืบเสาะสางอย่าร้างรอน ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท งูกลืนหาง ๐ ให้รู้สึกตรึกใจดูให้รู้สึก นึกผันผ่อนนอนตรึกนึกผันผ่อน อย่าจู่จรทางเดินดูอย่าจู่จร ให้ควรแรมรอรอนให้ควรแรม ไม่ควรข้ออย่าต่อทวนไม่ควรข้อ ต่อแต้มแถมก็แต่พอต่อแต้มแถม อย่าก่อแกมเกินอัชฌาอย่าก่อแกม ที่พลั้งเพลินเนิ่นแนมมีที่พลั้งเพลิน ที่สิ่งร้ายอย่าประวิงที่สิ่งร้าย อย่าเสียดสีหนีหน่ายอย่าเสียดสี ควรพอดีคิดดูส่วนควรพอดี อย่าเผลอตนยลทีอย่าเผลอตน ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท นกกางปีก ๐ อย่าโกรธเกรี้ยวเกรี้ยวโกรธพิโรธเรื่อง ในข้อเคืองเคืองข้อไม่พอผล อย่าร้ารานรานร้าตรองท่ายล ดูเล่ห์กลกลเล่ห์คะเนใน เช่นตีวัววัวตีให้เจ็บเปล่า อย่าร้อนเร้าเร้าร้อนไปก่อนไข้ จงตรองตรึกตรึกตรองให้ต้องใจ จะด่วนได้ได้ด่วนไม่ควรการ ไม่ควรที่ที่ควรสงวนงด พึงออมอดอดออมถ่อมสมาน คิดเผื่อเลือกเลือกเผื่อไว้ให้วิจารณ์ อย่ารอนรานรานรอนจงผ่อนตรอง ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท คุลาซ่อนลูก ๐ รักษาชื่อจงไว้ชื่อให้สมทรง สงวนวงษ์จงไว้วงษ์ดำรงสนอง เสงี่ยมตนจงไว้ตนอย่าลำพอง เห็นควรตรองจงไว้ตรองให้ต้องตา ที่ควรสูงจงไว้สูงพยุงหมาย จะถ่อมกายจงไว้กายแต่พอหน้า จะซ่อนคมจงไว้คมดูอัชฌา หากมีท่าจงไว้ท่าอย่าเกลื่อนไกล ควรเปิดช่องจงไว้ช่องเชิงชนิด ที่ควรพิศจงไว้พิศตามนิไสย ที่ชั้นเชิงจงไว้เชิงโดยเลศนัย ที่จริงใจจงไว้ใจค่อยไขแสดง ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท ถอยหลังเข้าคลอง ๐ แถลงกิจผิดการกอบระบอบคิด คิดระบอบกอบการผิดกิจแถลง ใจระแวงแหนงฉงนจนใจแคลง แคลงใจจนฉงนแหนงระแวงใจ ไฉนนั้นคั้นเค้นคาดมาดมุ่งมั่น มั่นมุ่งมาดคาดเค้นคั้นนั้นไฉน ตรองท่าไว้ให้คงจงแจ้งใจ ใจแจ้งจงคงให้ไว้ท่าตรอง ช่องชอบที่รอบรู้ดูต่อตอบ ตอบต่อดูรู้รอบที่ชอบช่อง จำจดจ้องต้องคิดด้วยจิตรปอง ปองจิตรด้วยคิดต้องจ้องจดจำ ขำคมพอสมแสร้งแฝงลมข่ม ข่มลมแฝงแสร้งสมพอคมขำ นวลน้ำที่คำกล่าวข้อข่าวนำ นำข่าวข้อกล่าวคำทีน้ำนวล หวนจิตรหากผิดเล่ห์คะเนคิด คิดคะเนเล่ห์ผิดหากจิตรหวน แปรปรวนกลับชวนชักยักเรรวน รวนเรยักชักชวนกลับปรวนแปร แหห่างดูอย่างเห็นเปนต่างต่าง ต่างต่างเปนเห็นอย่างดูห่างแห เกรงแต่คิดแม้จิตรหากยากยิ่งแล แลยิ่งยากหากจิตรแม้คิดแต่เกรง ฯ ๑๒ คำ ฯ
|
• ผู้ประสงค์ดูวิธีถอดกลแต่ละกลบท สามารถเลือกโดยคลิกที่ชื่อกลบทนั้น ๆ ได้เลย • หรือคลิก ที่นี่ คลิก เพื่อเข้าสู่หน้าห้องเรียนกลอนกลบท
รายนามผู้เยี่ยมชม : กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, ปลายฝน คนงาม, หนูหนุงหนิง, ลมหนาว ในสายหมอก, ตูมตาม, รพีกาญจน์, น้ำหนาว, ปลาย อักษร, ขวดเก่า, ก้าง ปลาทู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10046
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: กลบทสุภาษิต
กลบท ม้าลำพอง ๐ รักบุตรสุดเช่นเกลียดเช่นดุจบุตรรัก โฉงเฉงชักนักเบื่อนักชักโฉงเฉง เองใจจนทนจำทนจนใจเอง ใจตรอมเกรงกริ่งยิ่งกริ่งเกรงตรอมใจ ยากแสนแค้นขัดคิดขัดแค้นแสนยาก ไฉนหากพรากจักพรากหากไฉน ใยเยื่อเปนเชื้อชิดเชื้อเปนเยื่อใย จนจำให้ใจหักใจให้จำจน เทียบทับกับนมเปรียบนมกับทับเทียบ ล้นอกเพียบใหญ่ยิ่งใหญ่เพียบอกล้น ทนสู้ยากบากบั่นบากยากสู้ทน รอนบั่นพ้นจนใจจนพ้นบั่นรอน ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท กลมกลืนกลอน ๐ สันดานดื้อยากตัดแสนดัดยาก สันดานหากผ่อนผันสุดผันผ่อน สันดานร้ายรอนบั่นเหลือบั่นรอน สันดานสอนใจยากยิ่งยากใจ ไม่มีสิ่งเปรียบที่หมดที่เปรียบ ไม่มีเทียบไขคำยากคำไข ไม่มีใครใจจักรู้จักใจ ไม่มีนิไสยเพียรหมดครูหมดเพียร ยากที่ดัดจิตรยากยิ่งยากจิตร ยากที่คิดเหียนหันหวนหันเหียน ยากที่ว่าเวียนวนกลับวนเวียน ยากที่เพียรเมินหลบซ้ำหลบเมิน ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท ลิ้นตะกวด ๐ อนึ่งเมียมิตรชิดตนอันร่วมรัก อย่าหลวมหลักตรองท่าอย่าห่างเหิน จะไว้เนื้อเชื่อหน้าอย่าพลางเพลิน อย่าหมางเมินหมั่นนึกตรึกตรองการ ดูลาดเลาเหลี่ยมเล่ห์อย่าพลาดพลั้ง จะยาดรยั้งอย่าให้หมองสมาน ความลับลึกตรึกตราอย่าลองลาน เช่นท้องธารถานถิ่นยะยวนยล เหลือคะเนเล่ห์ล้ำคำคาดคิด มุ่งมาดมิตรหมิ่นหมายฝ่ายหวนหน ดูแยบคายลายล่อก่อกวนกล หากจวนจนจักซ้ำช้ำใจเรา ฯ ๖ คำ ฯ
ลิ้นตะกวดมีสองแฉกฉันใด กลบท ลิ้นตะกวดต้องพลิกอ่านได้สองอย่างฉันนั้น (แทรก-ผู้โพส)
๐ อนึ่งเมียมิตรชิดตนอันรักร่วม อย่าหลักหลวมตรองท่าอย่าเหินห่าง จะไว้เนื้อเชื่อหน้าอย่าเพลินพลาง อย่าเมินหมางหมั่นนึกตรึกการตรอง ดูลาดเลาเหลี่ยมเล่ห์อย่าพลั้งพลาด จะยั้งยาดรอย่าให้สมานหมอง ความลับลึกตรึกตราอย่าลานลอง เช่นธารท้องถานถิ่นยะยลยวน เหลือคะเนเล่ห์ล้ำคำคิดคาด มุ่งมิตรมาดหมิ่นหมายฝ่ายหนหวน ดูแยบคายลายล่อก่อกลกวน หากจนจวนจักซ้ำช้ำใจเรา ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท ดอกไม้พวงพู่ร้อย ๐ ไม่ควรคิดจิดรหวนอย่าด่วนได้ ไม่ควรคิดจิตรใจอย่าโฉดเฉา ไม่ควรคิดจิตรตรึกอย่านึกเดา ไม่ควรคิดจิตรเราให้เร่งตรอง สิ่งใดที่หมายผดุงฝ่ายมุ่งมาด สิ่งใดที่หมายคาดท่านทั้งผอง สิ่งใดที่หมายคิดในจิตรปอง สิ่งใดที่หมายต้องให้ตรองใจ หากแม้ไม่สมชมอารมณ์ตรึก หากแม้ไม่สมนึกจะคิดไฉน หากแม้ไม่สมที่นิยมใจ หากแม้ไม่สมคะเนเสียเวลา ฯ ๖ คำ ฯ
กลบท เมขลาโยนแก้ว ๐ ยังไม่เห็นเช่นคิดหมายอย่าหมายคิด หมายคิดพิศให้แน่จึงควรหา ควรหาดูรู้ให้แจ้งให้เจนตา เจนตาแน่แท้ว่าจะฉันใด ฉันใดดีที่ตรงที่ตรองตรึก ตรองตรึกนึกดูให้สิ้นสิ่งสงไสย สงไสยแล้วอย่าคาดบังอาจใจ บังอาจใจเพ่งเล็งให้จงแน่นอน แน่นอนใจให้สัจจังที่หวังคิด หวังคิดกิจกอบให้จริงอย่าทิ้งถอน ทิ้งถอนนักมักเหชักเรรอน เรรอนรวนชวนหย่อนประโยชน์ดี ฯ ๖ คำ ฯ
กลอนแปด ๐ พาลทุพลยลปราชน์อาจเอิบจิต เข้าแข่งคิดขันถ้อยธรรมวิถี โวหารอ้างขวางหูหมู่กระวี ก็เลี่ยงลี้หลีกรำคาญใช่การกล สุกรเกลือกเปือกปนทุคนธชาติ สีหราชผาดพิศแสยงขน แสนรังเกียจเกลียดไกลไม่ใกล้สกนธ์ สุกรยลกระหยิ่มใจหมายว่ากลัว อันผู้ที่มีปัญญาปรีชาชาติ ย่อมสามารถรู้กระบวนอยู่ถ้วนทั่ว ที่ร้ายร้อนผ่อนเบาไม่เมามัว รักษาตัวใจตั้งไม่จางเจือ ฯ ๖ คำ ฯ
กลอนแปด ๐ เห็นท่านต่ำแล้วอย่าก้ำอย่าเกินนัก สมทบทักทับถมให้ล้นเหลือ อัชฌาไสยไมตรีตรองใจเจือ ไว้ใยเยื่อเผื่อหน้าดีกว่าชัง พยัคฆ์ผอมย่อมกวางประมาทหมิ่น ใช่จะสิ้นเขี้ยวเล็บอย่าควรหวัง ถึงแรงน้อยถอยถดลดกำลัง พยศยังยากจะหายเพราะลายคง หากโกรธเกรี้ยวเขี้ยวเล็บสลัดลัด ตะกุยกัดขบคั้นไม่ทันผง ครั้นรู้สึกนึกได้สิใจงง ตะลึงหลงพลั้งท่าพาเสียที ฯ ๖ คำ ฯ
กลอนแปด ๐ อุรคะราชอาจแผลงสำแดงฤทธิ์ ลำพังพิษเพียงภาณุรังษี เสงี่ยมเงื่องเชื่องแช่มในเชิงที ไม่ผลามผลีเลื้อยเลี้ยวละลานลน แมลงป่องพิษน้อยสักนิดหนึ่ง ทำปั้นปึ่งยกหางขึ้นลอยหน ลำพองจิตรคิดเติบกำเริบตน อวดสกนธ์ไม่สังเกตกายประมาณ อันผู้ดีมีเชื้อสกูลศักดิ์ ย่อมออมพักตร์พื้นพงษ์ภูมิ์สัณฐาน ยาจกได้ไอทรัพย์สักเสี้ยวปาน ก็ทะยานยกยศพยายาม ฯ ๖ คำ ฯ
กลอนแปด ๐ สงวนศักดิ์จะสมัครสมานมิตร ประชุมชิดชูชมประชันสนาม พึงพินิจพิศดูอย่าวู่วาม อย่าโจมจามจาบจ้วงจงตรองการณ์ ที่ต่ำช้าทารุณสกุลชาติ อย่าฝ่าฝังสังวาศภิรมย์สมาน อัชฌาไสยฝ่ายพวกสันดานพาล มักร้ายรานก้าวร้าวกำเริบใจ สุนัขเลี้ยงล้อเล่นเช่นเคยคุ้น แม้มัวมุ่นมักลามตามนิสัย ไม่ลดหย่อนผ่อนละจังหวะใคร มีแต่ให้อัปยศประหยัดตาม ฯ ๖ คำ ฯ
กลอนแปด ๐ ที่แรงร้ายเริงร้อนอย่ารานตอบ พอห่อหอบหิ้วได้อย่าหาบหาม ที่เลี้ยวลดคดค้อมอย่าโค้งตาม ที่แนวหนามหนาเดินอย่าบุกบัน รู้ว่าพาลหาญห้าวอย่าก้าวก่อ เข้าต้านต่อโต้ตั้งประชันขัน ถึงจวบเจียนจวนตัวจะพัวพัน จงเกียดกันออกไปให้ไกลทาง สุนัขเล่นไล่กัดสลัดหลีก ปลดเปลื้องปลีกไปล่แปลงอย่าแซงขวาง อย่าคิดคบขบตอบสุวาณวาง จะระคางข้างอัปมงคลมี ฯ ๖ คำ ฯ
กลอนแปด ๐ เรียนความรู้เรียนได้ด้วยใจรัก อุปนิไสยใฝ่สมัครไม่เมินหนี ความเพียรเพิ่มเติมต่อตั้งทวี อย่าเลี่ยงลี้หลีกทิ้งสติตน จะฝนทั่งเปนเข็มก็ฝนได้ แต่อย่าให้ละเพียรพึงหมั่นฝน พร้อมทรัพย์สินโภคาวิชาชน อาไศรยผลความเพียรเปนพื้นมา ผู้เกียจคร้านการเพียรอาภัพซ้ำ เหมือนตักน้ำใส่ตะกร้าอย่าหวังหา ว่าจะขังขั้งค้างอย่างจินดา เหลือปัญญาที่จะดัดสันดานขบวน ฯ ๖ คำ ฯ
กลอนแปด ๐ จะหวีผมดูพอสมกับส่วนเกล้า พินิจเผ้าตามภูมภักตร์สงวน ถ้าเกินนักมักเขาจะเย้ายวน สำรวลสรวลเสซ้ำให้รำคาญ อันสุราพาพลอยอร่อยรศ แม้กินเพลินเกินกำหนดในอาหาร เปนเครื่องย้อมปลอมแปลงแต่งสันดาน พ้นประมาณเมามากมักงมงาย จะกอบกิจคิดก่อนให้รอบคอบ อย่าด่วนชอบแต่ลำพังลำพองหมาย แม้เพลี่ยงพล้ำดังดุจประจานกาย ให้ก่อร้ายเกิดโรคกำเริบรัน ฯ ๖ คำ ฯ
กลอนแปด ๐ สันดานชอบเช่นเชื้อเหมือนสื่อชัก จะดัดจิตรคิดหักไม่เหหัน เหมือนเช่นงูรู้ตีนพวกเดียวกัน อันฝูงไก่ไก่นั้นย่อมเห็นนม อันเหล่าโจรโจรย่อมจะรู้เลศ ตามประเภทพรรคพวกนิยมสม ส่วนพวกปราชญ์ปราชญ์ย่อมสมาคม ตามอารมณ์ร่วมรักเจริญใจ ไม่แผกผันชั้นเชิงชาติชนิด ตามจริตหรือจะร้างแรมนิไสย ไม่กลับเกลื่อนเคลื่อนคลาศสังวาศไกล ย่อมเปนไปตามสมัครกระมลตน ฯ ๖ คำ ฯ
กลอนแปด ๐ มณฑกสถิตย์นิตย์เนาในสะโรช ประทุมโชตช่อช้อยตระการหน แบ่งเกสรร่อนโรยวารีวน มิได้ยลรู้รศเรณูมาลย์ ภมรเนาเขาเขินเนินทุเรศ บินประเวศมาแสวงนิวัตสถาน เหมือนชนเฉาเนาสำนักเมธาจารย์ มิได้พานพบรศธรรมนิพนธ์ ปรีชาชาติมาดอยู่ให้ไกลถิ่น ก็ไม่สิ้นควรเพียรที่ขวายขวน เพราะอยากรู้สู้ลำบากลำบนตน เที่ยวหาผลเพื่อศุขไม่เสื่อมซาม ฯ ๖ คำ ฯ
กลอนแปด ๐ สุวรรณหงษ์หลงระเริงลานฉงน เข้าปะปนปวงกาพาหยาบหยาม พาลายเลือนเลื่อนลดหมดสีงาม ถึงไม่ซามก็เหมือนเสื่อมราษีทรง สีหราชยาตรเยื้องเข้าเคียงคู่ กับโคผู้ต่างพวกพิศวง สินธพเรียงเคียงลาประลาศพงษ์ ถึงจะคงเปนอาชาไม่น่ายล นักปราชญ์สู่หมู่พาลพำนักพัก ใช่สำนักที่จะเนาสำนึงหน ถึงรู้ธรรมจำเหมือนให้เฟือนตน เพราะต่างคนต่างนิไสยนิยมยิน ฯ ๖ คำ ฯ
กลอนแปด ๐ อันเงินทองปองเพียงอศรพิษ ประจงจิตรจองคะเนคะนึงถวิล เปนที่มาดอาจใจอยู่อาจิณ นิยมยินอยากจะได้ทุกใจคน เหล่าพาลร้ายไพรีผรุศจิตร ย่อมปองคิดคอยปลงประสงค์ผล ดูยิ่งยากมากอย่างระวังตน พึงตรองยลดูอย่าชะล่าใจ ควรประกอบขอบเขื่อนเขตรจังหวัด ยั้งประหยัดยลท่าอัชฌาไสย เช่นวิถึที่สถิตย์สถานใด สำนักในเนานึกอย่ามัวมุฬห์ ฯ ๖ คำ ฯ
กลอนแปด ๐ พยัคฆ์ผอมตรอมกายกระหายเหยื่อ ไม่ควรเผื่อแผ่จิตรให้ชิดคุ้น หากเมตตาอารีมีการุญ จะเจือจุนก็อย่าใกล้มิใช่การ พาละชาติยากจะอาจรู้คุณคิด ทุจริตฤๅจะจงจำนงสมาน ล้วนโทษทุกข์คลุกกลั้วมั่วสันดาน ปูนเปี่ยมปานไปด้วยผลทุพลใจ ประหยัดรั้งรั้งรอระวังผิด คะนึงคิดข้อเหตุให้ควรไข อารีรอบชอบเล่ห์คะเนใน ให้แน่ใจตามจริตชนิดชน ฯ ๖ คำ ฯ
กลอนแปด ๐ ร่ำกล่าวกลั่นสรรกลอนกลบท สังเขปพจน์เผยแสดงแถลงนุสนธ์ โดยสารสอนงอนงามตามยุบล เบื้องนิพนธ์พากย์ประเภทพิบูลย์ประพันธ์ เฉกสังคีตดีดสีดนตรีกล่อม บรรเลงถนอมถนิมโสตรสงวนขวัญ เพียงประทิ่นกลิ่นปรุงจรุงจันทน์ เฉลิมสรรพ์ศุภอัตถ์สวัสดี ต่างแว่นแก้วแผ้วผ่องประไพพิศ ส่องพินิจฉ์กายสกนธ์ตระการฉวี สำเหนียกสำเนาเงาประจงประจำมี ขอสมมุตยุติทีเท่านี้เอย ฯ ๖ คำ ฯ
- จบกลบทสุภาษิต -
|
กลบทสุภาษิต ผู้แต่ง : หลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก) ที่มา : กลบทสุภาษิต
• ผู้ประสงค์ดูวิธีถอดกลแต่ละกลบท สามารถเลือกโดยคลิกที่ชื่อกลบทนั้น ๆ ได้เลย • หรือคลิก ที่นี่ คลิก เพื่อเข้าสู่หน้าห้องเรียนกลอนกลบท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|