Username:
Password:
บ้านกลอนน้อยฯ
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล
>>
ห้องเรียน
>>
ห้องเรียนรู้คำประพันธ์ ประเภทกลอน
>>
- กลอนเสภา -
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: - กลอนเสภา - (อ่าน 1643 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
จำนวนผู้เยี่ยมชม:
65535
ออฟไลน์
ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10363
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
|
- กลอนเสภา -
«
เมื่อ:
22, กุมภาพันธ์, 2568, 01:55:24 AM »
บ้านกลอนน้อยฯ
Permalink:
- กลอนเสภา -
-
กลอนเสภา
-
"กลอนเสภา"
เป็นกลอนที่แต่งขึ้นเพื่อใช้ขับลำนำเพื่อความไพเราะ โดยมีกรับขยับเป็นจังหวะ ที่เรียกกันว่า "ขับเสภา" มีรูปแบบฉันทลักษณ์ทั้งคณะและสัมผัสเหมือนกับ
กลอนสุภาพ
แต่มีข้อแตกต่างบางประการดังนี้คือ
๑)
จำนวนคำ
- ในวรรคหนึ่งมีได้ตั้งแต่ ๖ ถึง ๙ คำ (ในผังแสดงไว้แบบ ๘ คำ) ขึ้นกับเนื้อความที่ต้องการบรรยายและความเหมาะสมของการเอื้อนเสียงประกอบ
๒)
ลักษณะการส่งสัมผัส
(ดูผังด้านบนประกอบ)
- การส่งสัมผัสของกลอนเสภานั้น เฉพาะระหว่างวรรคหน้ากับวรรคหลัง (วรรคที่ ๑ กับ ๒ / วรรคที่ ๓ กับ ๔) สามารถส่งและรับสัมผัสได้ตั้งแต่คำที่ ๑-๕ ตามความเหมาะสม ให้ผู้ขับเสภาสามารถเอื้อนทอดรับจังหวะได้ ในส่วนอื่นเหมือน
กลอนสุภาพ
ทั่วไป
๓)
การขึ้นต้น
เอกลักษณ์ของกลอนเสภาอีกอย่างหนึ่งคือคำขึ้นต้น นอกจากจะขึ้นต้นอย่าง
กลอนสุภาพ
ทั่วไปแล้ว ยามเมื่อขึ้นเนื้อความใหม่หรือตอนใหม่มักนิยมขึ้นต้นวรรคด้วยคำว่า
“ครานั้น......”
หรือ
“จะกล่าวถึง......”
หรือ
“มาจะกล่าว......”
หรือ
“ฝ่าย......”
และ
“ครั้น......”
เฉกเดียวกับกลอนสักวา ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า สักวา นั่นเอง
00000000000000000000000000000000000000000
- ตัวอย่างคำประพันธ์ "
กลอนเสภา
" บางส่วน -
- เสภา เรื่องขุนช้างขุนแผน -
๐ ขุนเพชรอินทรากลับมาเรือน เสบียงเรียงเกลื่อนเมียจัดสรร
ขุนรามก็กลับมาฉับพลัน บ่าวไพร่ทั้งนั้นก็เรียกมา
ผู้คนรายเรียงเสบียงวาง ม้าช้างผูกแหล่งไว้แน่นหนา
ครั้นคํ่าลงพลันมิทันช้า ตัวกับภรรยาเข้าเรือนนอน ฯ
๐
ฝ่าย
เมียขุนเพชรอินทราฝัน ว่าถูกฟันตัวขาดเป็นสองท่อน
ผ่าอกขว้างหัวใจไปดงดอน ตื่นนอนตัวสั่นประหวั่นใจ
ปลุกผัวบอกฝันด้วยหวั่นหวาด น้องฝันประหลาดหาเคยไม่
เล่าความแต่ต้นจนปลายไป น้องนี้พรั่นใจอยู่มากมาย ฯ
๐
ครานั้น
ขุนเพชรอินทรา ได้ฟังเมียว่าก็ใจหาย
ครั้นกูจะแก้ว่าฝันร้าย จะทุกข์โศกมากมายวุ่นวายไป
จึงเอาความดีมากลบเกลื่อน หลับใหลใจเฟือนหาแน่ไม่
เจ้าอย่าสลดรันทดใจ แล้วชวนเมียนอนไปในราตรี ฯ
๐
ฝ่าย
ว่าเมียขุนรามอินทรา ฝันว่าฟันหักเป็นสามซี่
ตกใจผวาคว้าสามี พ่อเอ๋ยเมียนี้ช่างฝันร้าย
พ่อจะไปทัพจับขุนแผน เมียนี้ทุกข์แทนมิ่งขวัญหาย
วิปริตเห็นนิมิตเป็นอันตราย นางฟายน้ำตาเข้าร่ำไร ฯ
๐
ครานั้น
ขุนรามอินทรา ได้ฟังเมียว่าไม่นิ่งได้
ประคองโฉมโลมเล้าเอาใจ แม่อย่าได้หวาดหวั่นพรั่นวิญญาณ์
ด้วยตัวพี่นี้จะไปเสียไกลห้อง จิตรเจ้าจึงหมองประหวั่นหา
ผัวไปก็จะได้ขุนแผนมา ว่าแล้วก็พากันนอนไป ฯ
๐
ครั้น
รุ่งสว่างกระจ่างฟ้า ขุนเพชรอินทราไม่ช้าได้
อาบน้ำผลัดผ้าแล้วคลาไคล ได้ดาบคู่มือก็ถือมา
เมียยกมือไหว้แลไปดู ไม่เห็นหัวผัวอยู่แต่เพียงบ่า
ตกใจวิ่งไปแล้วโศกา พ่อฟังเมียว่าอย่าเพ่อไป
เดินมาเมื่อตะกี้ไม่มีหัว ตัวเมียนี้เห็นเป็นข้อใหญ่
สมกับความฝันที่พรั่นใจ เข้ากอดตีนผัวไว้ที่กลางเรือน ฯ
๐
ครานั้น
ขุนเพชรอินทรา ได้ฟังเมียว่าก็หน้าเฝื่อน
วิปริตผิดนักที่ทักเตือน เบือนหน้าดูเมียยิ่งเสียใจ
เป็นลางขวางอกตกตะลึง ยืนขึงตัวสั่นอยู่หวั่นไหว
ไปทัพหลายครามาแต่ไร ก็มิได้เคยเป็นเหมือนเช่นนี้
อกเอ๋ยไหนเลยจะได้กลับ คงจะยับลงในป่าพนาศรี
ครั้นมิไปกลัวภัยพระภูมี ขับเมียจากที่แข็งใจไป ฯ
๐
ฝ่าย
ว่าขุนรามอินทรา แต่งตัวนุ่งผ้าหาช้าไม่
เอาเครื่องคาดตัวพัวพันไป ฉวยได้ดาบคู่มือก็ถือมา
เมียเดินมาตามด้วยความรัก หนักใจแต่ลงจากเคหา
บันไดไหวยวบหักสวบมา ห้าขั้นสะบั้นลงจมดิน
อัศจรรย์หวั่นไหวข้างในจิตร ครั้งนี้ชีวิตจะสูญสิ้น
จะตายจากพรากเจ้าผู้เพื่อนกิน ผินหน้าดูเมียยิ่งเสียใจ
พลไพร่หน้าหลังสะพรั่งพร้อม แวดล้อมตามมาหาช้าไม่
พบขุนช้างก็พากันคลาไคล บ่าวไพร่ตามหลังสะพรั่งมา
เยียดยัดอัดไปในถนน ผู้คนเอิกเกริกอยู่หนักหนา
ถึงวัดจัดกันเป็นโกลา ท่านแม่ทัพสองราก็พร้อมกัน
จัดหมวดตรวจถ้วนกระบวนหน้า ดาบปืนยืนร่าเป็นเหล่าหลั่น
พลหอกพลง้าวเกาทัณฑ์ ระวังชั้นคอยฤกษ์จะยกทัพ ฯ
๐
ครั้น
ได้ฤกษ์ดีให้ตีฆ้อง โห่ก้องปืนลั่นสนั่นศัพท์
หอกดาบปลาบแปลบแวบวับ ขี่ขับม้าช้างสล้างมา
พระหมื่นศรีขี่ช้างกลางพหล พระหมื่นไวยไล่พลมาข้างหน้า
ขุนเพชรขุนรามตามยาตรา ล้วนขี่ช้างงาสัปคับ
ขุนช้างขี่ช้างอ้ายกางเถ้า นั่งเจ่ามาในกูบหัวหงุบหงับ
ศรพระยาขี่คอขอกระชับ ราทยานั่งขับข้างท้ายมา
ผู้คนแลดูเขาหัวเราะ ว่าช้างนั้นล้านเหมาะกันหนักหนา
ที่ไม่เห็นก็เรียกกันเพรียกมา ขุนช้างหลบหน้าไม่เยี่ยมแล
ข้ามขนอนดอนฟากข้างปากคู ผู้คนมาดูอยู่เซ็งแซ่
ช้างม้าเยียดยัดอัดแอ หมายมุ่งทุ่งแน่เอาตาลาน
บ้างก็ชิงปลาแห้งแย่งปลาสด พบอะไรเอาหมดมาทุกบ้าน
รีบเร่งรี้พลอลหม่าน เย็นลงมินานถึงสามโก้
หยุดยั้งตั้งหม้อเสร็จสรรพ กินแล้วนอนหลับเช้าตั้งโห่
รีบรัดตัดมาเอาท่าโพธิ์ แฟ้มโพล่หาบคอนย่อนย่อนมา ฯ
............... ฯลฯ ...............
๐
จะกล่าวถึง
พระองค์ผู้ทรงฤทธิ ทศทิศฦๅลบพิภพไหว
สถิตยังปรางค์มาศปราสาทชัย นางในแวดล้อมอยู่พร้อมเพรียง
สำราญราชหฤทัยอยู่ในที่ ดนตรีขับขานประสานเสียง
ฉํ่าเฉื่อยเรื่อยร้องซ้องสำเนียง พอยํ่าเที่ยงเสด็จออกนอกห้องทอง
สระสรงทรงเครื่องเรืองระยับ จับพระแสงยุรยาตรผาดผ่อง
พระสนมเชิญเครื่องมาเนืองนอง ประทับท้องพระโรงรจนา
พระสูตรรูดกร่างกระจ่างองค์ พวกขุนนางกราบลงไม่เงยหน้า
อันพวกไปทัพที่กลับมา ภาวนาร้อนตัวด้วยกลัวภัย ฯ
๐
ครานั้น
พระองค์ผู้ทรงเดช ทอดพระเนตรแลมาหาช้าไม่
เห็นพระหมื่นศรีกับหมื่นไวย ไม่เห็นขุนเพชรและขุนราม
ขุนช้างหมอบข้างพระหมื่นศรี พระพันปีจึงดำรัสตรัสถาม
ด้วยเรื่องขุนแผนแสนสงคราม ตามไปได้มาฤๅว่าไร ฯ
............... ฯลฯ ...............
(ตอนที่ ๒๐ ขุนช้างฟ้องว่าขุนแผนเป็นขบถ)
- เสภา เรื่องอาบูหะซัน -
๐
ครานั้น
นารีศรีสมร ประสานกรก้มยิ้มอยู่ริมตัก
หะซันกริ่มยิ้มลไมปราไสซัก ว่านงลักษณ์เหลืองามนี่นามใด
จงเอ่ยออกบอกบ้างอย่าหมางจิตร พี่ได้พิศผิวภักตร์นึกรักใคร่
จะอดสูดูอายพี่ชายไย พอชื่นใจที่ประจักษ์ตระหนักนาม ฯ
๐ นางนึกอายชม้ายชม้อยช้อยเนตร จึงแจ้งเหตุเขินปนระคนขาม
ว่าหม่อมฉันชั้นนี้ไม่ดีงาม เปนทราม ๆ สาวใช้ชื่อไข่มุก
เปนข้าบาทบงกชบทเรศ พึ่งพระเดชเช้าเย็นพอเปนศุข
ภูวไนยใช้อยู่เช่นยุนุก ไม่อาจอุกเอื้อมประเมินให้เกินภักตร์ ฯ
๐ หะซันชมสมงามนามเจ้า ไฉนเฝ้าออมอดถ่อมยศศักดิ์
จะแกล้งกลั่นสรรทรงเช่นนงลักษณ์ ทั่วทั้งจักรวาฬไม่พานทรง
ผู้ขนานนามเจ้าเยาวลักษณ์ ควรเปนศักดิ์อภิชาติราชหงษ์
คือเชื้อปราชญ์ปรีชาปัญญายง จึ่งขนานนามอนงค์เสนาะนาม
ว่าพลางทางกล่าววาที แก้วพี่อย่าสเทินเขินขาม
รินองุ่นให้พี่บ้างเถิดนางงาม ได้มีความมิตใจเปนไมตรี
จงชื่นช่วยถ้วยถือในมือน้อง จะดื่มคล่องคอหอยอร่อยพี่
แล้วเชิญน้องลององุ่นที่ฉุนดี พอเปนที่เบิกบานสำราญใจ ฯ
............... ฯลฯ ...............
(เสภาอาบูหะซัน ตอนที่ ๓ : ขุนวิสูตรเสนี จาง)
บ้านกลอนน้อยลิตเติลเกิร์ล
- Black Sword -
(หมู มยุรธุชบูรพา)
•
กลับสู่หน้า
สารบัญ
กลอน
คลิก
•
กระโดดสู่ห้องเรียน
กาพย์
คลิก
•
กระโดดสู่ห้องเรียน
โคลง
คลิก
•
กระโดดสู่ห้องเรียน
ฉันท์
คลิก
•
กระโดดสู่ห้องเรียน
ร่าย
คลิก
•
กระโดดสู่ห้องเรียน
กลอนกลบท
คลิก
•
กระโดดสู่ห้องเรียน
โคลงกลบท
คลิก
•
กระโดดสู่ห้องศึกษา
ภาพโคลงกลบท
คลิก
รายนามผู้เยี่ยมชม :
ข้าวหอม
,
ต้นฝ้าย
,
ขวัญฤทัย (กุ้งนา)
,
ลิตเติลเกิร์ล
,
หยาดฟ้า
,
คิดถึงเสมอ
บันทึกการเข้า
..
รวมบทกลอน "
ที่นี่เมืองไทย...
"
รวมบทกลอน "
ร้อยบุปผา
"
รวม
บทประพันธ์ทั่วไป
"Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
รวมบทประพันธ์
กลบท
"Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
รวมบทประพันธ์
ฉันท์
"Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
กลอน
สุภาษิต-คำพังเพย-สำนวนไทย
บ้านกลอนน้อย
ลานอักษร มยุรธุชบูรพา
..
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
บ้านกลอนน้อย ลิตเติลเกิร์ล - มยุรธุชบูรพา
-----------------------------
=> อ่านข้อกำหนด กฎระเบียบต่าง ๆ - สมาชิกใหม่ ทักทาย แนะนำตัวที่นี่
=> ห้องกลอน คุณอภินันท์ นาคเกษม
=> ห้องกลอน คุณคนบอ มือสี่
=> สารบัญกลอน สมาชิกนักกลอน
-----------------------------
ห้องเรียน
-----------------------------
=> ห้องเรียนรู้คำประพันธ์ ประเภทกลอน
=> ห้องเรียนฉันท์
=> ห้องเรียน กลบท
=> ห้องเรียน โคลงกลบท
=> ห้องศึกษา ภาพโคลงกลบท
=> ห้องศึกษา กาพย์ โคลง ร่าย
=> ห้องหนังสือ บ้านกลอนน้อย
=> ห้องฟัง การขับ เสภา และอื่น ๆ
-----------------------------
คำประพันธ์ แยกตามประเภท
-----------------------------
=> กลอน ร้อยกรองหลากลีลา
=> คำประพันธ์เนื่องในโอกาสพิเศษต่าง ๆ
=> กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม
=> กลอนเปล่าสบาย ๆ
=> กลอนจากที่อื่น และจากกวีที่ชื่นชอบ
=> โคลง-กาพย์-ฉันท์-ร่าย-ลิลิต
=> กลบท
=> นิยาย-เรื่องสั้น-บทความ-ความเรียง-เรื่องเล่าทั่วไป
=> ห้องนั่งเล่นพักผ่อน
===> เส้นคั่นสวย ๆ
===> รูปภาพน่ารัก
กำลังโหลด...