ฉันกลับมาแล้ว
เหล่ากวีแก้วแว่วเสียงสำเนียงใส
เพิ่งได้เจอใครคนหนึ่งซึ่งอยู่ไกล
จึงปลอบโยนเพื่อ Heal ใจไม่ช้าที
ครั้งหนึ่งนั้นเขาเล่าเรียนศิลปะ
บนกระดาษแต่งแต้มจินต์ลงเส้นสี
ดินสอดำสาดแสงเงาเคล้าสุนทรีย์
กระทบที่วัตถุสะดุดตา
ครูมาชมผลงานพาลเพ่งพิศ
ยิ่งพินิจยิ่งงามน่ากังขา
เป็นไปได้เชียวหรือที่วาดมา
ด้วยสวยงามเกินกว่าจะวาดเอง
ครูเค้นถามพล่ามติติงยิ่งหวาดหวั่น
ใจแป้วพลันจิตเล่าเศร้าโหวงเหวง
ภาพใบนี้ศิษย์วาดจริงด้วยตัวเอง
ดินสอดำละเลงลงกับมือ
ครูท่านนั้นยังยืนกรานผ่านทิฏฐิ
คงตำหนิศิษย์ก้มหน้าไม่กล้าหือ
ภาพสวยงามเกินจะเป็นเช่นฝีมือ
ครูไม่เชื่อว่าศิษย์วาดยากไปหว่า
นับแต่นั้นไม่หยิบจับกลับวางที่
ตั้งคู่กันดินสอสีที่คล่ำคล่า
ช่างเนิ่นนานหลับใหลในนิทรา
รอพลิกฟื้นคืนกลับมาไม่จากไป
ดินสอดำคล้ำหมองน่าลองเขียน
รอเจ้าของมาเรียนจับขยับไหว
ยังคงนอนแน่นิ่งสิ่งข้างใน
ภาพใบใหม่รอสานฝันอันค้างคา
หากครูให้สาธิตงานวันวานนั้น
ไม่ยึดมั่นในอัตตาดังว่าหนา
คงได้เห็นเช่นความงามเป็นบุญตา
ด้วยสองมือของศิษยาต่อหน้าครู
ปมในใจดินสอน้อยรอยกระดาษ
ก็มิอาจวาด "อัตตา" ว่าสวยหรู
ด้วยกระด้างพอกหนาว่าตัวกู
เที่ยวยึดถือแม่นมั่นมิหมั่นวาง
อัตตาเขาก็ให้เป็นเช่นของเขา
คุณค่าเรานั้นเล่ามิหายห่าง
พรสวรรค์สรรสร้างไม่อางขนาง
ล้วนจัดวางทุกที่ทางอย่างโดยธรรม์
ปลดปล่อยใจเผ่นโผนโจนเวหาส
เปล่งประกาศสาดแสงแรงฉายฉัน
วิหคเพลิงเริงรุ่งพลุ่งโชนกัลป์
พรสวรรค์ปลุกขึ้นพลันคืนศักดา
Cr. ได้แรงบันดาลใจจากชาวเน็ต Social ท่านหนึ่ง ขอบคุณมากค่ะ