บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
สืบต่อเนื่องมาจากกระทู้ ~ ว่าด้วยเทวดา - อสูร ~ คลิก ที่ดำเนินมาถึงเรื่องราวช่วงเข้าสู่เขาพระสุเมรุและเหล่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในป่าหิมพานต์
- เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
เขาพระสุเมรุกลางสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง เป็นที่ซึ่งเทพยดาอยู่สลอน มีคนธรรพ์,กุมภัณฑ์นาคมากอมร ทิศอุดรยักษ์อยู่อย่างรู้กัน
แบ่งทวีปเวียงวังทั้งสี่ทิศ เนรมิตบ้านเมืองเรืองลดหลั่น มีนครใหญ่น้อยหลายร้อยพัน เฉกประชันเมืองมนุษย์มโนรมย์
เช่นอุดรแดนทิพย์ทวีปยักษ์ ที่ประจักษ์เทพนครไร้ผู้ข่ม “วิสาณะ,กุสินาฏา”น่าชม “ชโนฆะ”งามสมเทพธานี
อีกหลายเมืองเรืองโรจน์วิลาสลักษณ์ ทั้งเมืองยักษ์,คนธรรพ์,กุมภัณฑ์ผี นาคทวีปเมืองงามกามโภคี ทั้งเทวาเทวีมีพิมาน
สิเนรุหรือสุเมรุเป็นแกนโลก มิเอนโยกคลอนเคลื่อนเขยื้อนฐาน มีป่าทิพย์นามว่า“หิมพานต์” พิสดารดึงใจให้ติดตาม.....
* สุเมรุ อ่านว่า สุ-เมน * สิเนรุ อ่านว่า สิ-เน-รุ
เต็ม อภินันท์ สถาบันกวีนิพนธ์ไทย ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ * ขอบคุณเว็บฯเจ้าของภาพนี้ในเน็ต
|
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, Thammada, ก้าง ปลาทู, ลิตเติลเกิร์ล, ลมหนาว ในสายหมอก, ฟองเมฆ, Mr.music, รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, เนื้อนาง นิชานาถ, ชลนา ทิชากร, ปลายฝน คนงาม, พรานไพร, ปิ่นมุก, กรกช, มดดำ, เส้นชีวิต ดำเนินไป, หนูหนุงหนิง, กอหญ้า กอยุ่ง, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
- ป่าหิมพานต์อุทยานสวรรค์ -
ณ เชิงเขาพระสุเมรุสิเนรุ ในตำนานท่านระบุบอกผู้ถาม เรื่องอุทยานสวรรค์อันงดงาม ประจักษ์นามว่า “ป่าหิมพานต์”
เดิมอยู่ชิดติดกะมวลมนุษย์ เทพคนสุดหรรษาเขษมศานต์ เมื่อมนุษย์กิเลสหนาอนาจาร แยกถิ่นฐานเทพมนุษย์ห่างสุดตา
หิมพานต์ป่าเย็นเป็นของเทพ เป็นที่เสพสุขแสนแดนหรรษา หิมวันต์คั่นมนุษย์เทวดา บูรพาเฉียงใต้ให้ “ชีไพร”
พระปัจเจกพุทธเจ้าเนาป่านี้ กับเทพที่ชั้นกลางต่างอาศัย ยักษ์,นาค,ครุฑ,คนธรรพ์สัตว์พันธุ์ใด ล้วนอยู่ในป่านี้มีมากมาย
พวกนักสิทธิ์วิชาธรกินนรเทพ ต่างร่วมเสพกามสุขสนุกหลาย เพศครึ่งสัตว์ครึ่งคนพิกลกาย ท่านบรรยายพิสดารงานนิพนธ์.... |
- สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกานี้มีอุทยานชื่อหิมวันต์ คือหิมพานต์ เป็นป่าที่ปกคลุมด้วยหิมะ คั่นอยู่ระหว่างสวรรค์กับมนุษย์ นัยว่าเดิมทีนั้นสวรรค์กับมนุษย์มีเขตแดนติดต่อกัน เทวดากับมนุษย์ไปมาหาสู่กันได้ ต่อมาพวกมนุษย์มีกิเลสหยาบหนามากขึ้น ไม่อาจสมาคมกับเหล่าเทวดาได้ ดินแดนสวรรค์กับมนุษย์จึงแยกห่างจากกันจนไกลสุดสายตา
หิมวันต์อุทยานสวรรค์หรือป่าหิมพานต์นี้ตั้งอยู่เชิงเขาสิเนรุหรือเขาพระสุเมรุ ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชมพูทวีป เป็นที่อยู่อาศัยของเทวดาชั้นกลางหลากหลายสายพันธุ์ เช่น ยักษ์ คนธรรพ์ นาค ครุฑ นักสิทธิ์วิทยาธร สัตว์ครึ่งเทพครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์นานา เช่น กินนร กินนรี เป็นต้น และยังเป็นสถานที่อยู่ของพวกฤๅษีชีไพร พระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อตรัสรู้แล้วก็จะปลีกตนจากมนุษย์มาอยู่ประจำในป่านี้จนตราบปรินิพพาน.
เต็ม อภินันท์ สถาบันกวีนิพนธ์ไทย ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑ * ขอบคุณเว็บฯเจ้าของภาพนี้ในเน็ต |
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, รพีกาญจน์, ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, ก้าง ปลาทู, ฟองเมฆ, น้ำหนาว, เนื้อนาง นิชานาถ, ชลนา ทิชากร, Mr.music, ปลายฝน คนงาม, พรานไพร, ปิ่นมุก, กรกช, หนูหนุงหนิง, กอหญ้า กอยุ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
- มักกะลีผลหิมพานต์ -
อุทยานสวรรค์อันสดใส มีพรรณไม้สะพรั่งทั้งดอกผล เป็นไม้ทิพย์มิใช่มวลไม้คน เมื่อใบหล่นถึงดินหายสิ้นไป
ไม่ทับถมกองเปื่อยเป็นปุ๋ยเปื้อน รกกลาดเกลื่อนพสุธาก็หาไม่ ยามมีดอกกลิ่นหอมฟุ้งจรุงใจ ชื่นฉมไกลกลบป่าหิมวันต์
เมื่อดอกเก่าร่วงหล่นรีบออกใหม่ บานเร็วไววามวับประดับสวรรค์ มีไม้หนึ่งประหลาดมหัศจรรย์ ทั้งรูปพรรณหน้าตาเหมือนนารี
ไม้งามนามประจักษ์“มักกะลีผล” ทั้งใบต้นน้ำตาลทองผุดผ่องสี ออกดอกผลไตรมาสนัดหนึ่งปี เป็นทรัพย์ที่คนธรรพ์ฝันใฝ่ครอง
วิทยาธรเทวาพากันแย่ง ผลไม่แห่งป่าสวรรค์อันผุดผ่อง คงหอมหวานซ่านทรวงกว่า“รวงทอง” ได้ลิ้มลองเพียงนิดติดใจนาน....
|
ป่าหิมพานต์เป็นเหมือนอุทยานแห่งชาติของสวรรค์ มีต้นไม้ดอกไม้ที่สวยสดงดงาม ใบไม้เวลาตกลงมาถึงพื้นก็แวบหายไป ไม่ทับถมกันเป็นปุ๋ยเหมือนต้นไม้ในเมืองมนุษย์ ดอกไม้มีกลิ่นหอมฟุ้งจรุงใจ พอร่วงหล่นลงมา ก็ออกดอกใหม่ และมีต้นมักกะลีผล ซึ่งมีผลเป็นนารี ที่หมายปองของเหล่าเทวดาหลายพวก เช่น วิทยาธร คนธรรพ์
ต้นนารีผล หรือ มักกะลีผล นี้ ขึ้นอยู่ท่ามกลางต้นไม้ต่าง ๆ มีประปรายทั่วไป ไม่ได้ขึ้นเป็นหมู่ ลำต้นนารีผลเป็นสีน้ำตาลทอง สวยงามเป็นเงาระยิบระยับ ใบเป็นสีทองแพรวพราวสวยงาม เมื่อใบตกถึงพื้นก็แวบหายไป ครั้นถึงฤดูกาลนารีผลจะห้อยเต็มไปหมด ถ้าไม่ใช่ฤดูกาลจะเห็นแต่ใบ เมื่อถึงเวลาแล้วจึงจะออกดอกออกผล โดยปีหนึ่งออกดอกครั้งเดียว ครั้งละ ๓ เดือน ตั้งแต่ตูมจนกระทั่งบาน ๑ เดือน จากบานเป็นนารีผลอีก ๑ เดือน ส่วนอีก ๑ เดือน เป็นช่วงสุกงอมหลุดจากขั้ว นำไปใช้สอยได้ ซึ่งแต่ละผลก็หลุดไม่พร้อมกัน เมื่อหล่นลงมาแล้วอยู่ได้แค่ ๗ วันสวรรค์ ซึ่งเท่ากับ ๓๕๐ ปีในเมืองมนุษย์ เหล่าคนธรรพ์ วิทยาธร จะมาคอยแย่งชิงนารีผลในช่วงที่นารีผลสุกงอม เต็ม อภินันท์ สถาบันกวีนิพนธ์ไทย ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ * ขอบคุณเว็บฯเจ้าของภาพนี้ในเน็ต |
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, กร กรวิชญ์, ฟองเมฆ, ลิตเติลเกิร์ล, น้ำหนาว, เนื้อนาง นิชานาถ, รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร, Mr.music, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, พรานไพร, ปิ่นมุก, กรกช, ก้าง ปลาทู, หนูหนุงหนิง, กอหญ้า กอยุ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, Mr.music, ลิตเติลเกิร์ล, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, ฟองเมฆ, รพีกาญจน์, พรานไพร, กร กรวิชญ์, ปิ่นมุก, กรกช, น้ำหนาว, ก้าง ปลาทู, ชลนา ทิชากร, หนูหนุงหนิง, กอหญ้า กอยุ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, พรานไพร, รพีกาญจน์, ฟองเมฆ, ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, Mr.music, ปิ่นมุก, กรกช, น้ำหนาว, ก้าง ปลาทู, ชลนา ทิชากร, หนูหนุงหนิง, กอหญ้า กอยุ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, กรกช, พรานไพร, ลิตเติลเกิร์ล, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, รพีกาญจน์, Mr.music, น้ำหนาว, ฟองเมฆ, ก้าง ปลาทู, ปิ่นมุก, ชลนา ทิชากร, มดดำ, หนูหนุงหนิง, กอหญ้า กอยุ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ลมหนาว ในสายหมอก, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, ฟองเมฆ, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, Mr.music, ปิ่นมุก, ชลนา ทิชากร, ปลายฝน คนงาม, มดดำ, กรกช, หนูหนุงหนิง, กอหญ้า กอยุ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
ขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพจาก Internet - คณานกในหิมพานต์ -
สัตว์ป่าหิมพานต์ดูหมู่วิหค มีปีกเห็นเป็นนกบินผกเผิน เช่น“อสูรปักษา”คราเผชิญ คนจะเมินเมียงหน้าไม่กล้ามอง
ตัวเป็นนกหน้าเป็นยักษ์รักเพื่อนฝูง บินเร็วสูงเหนือวิหคนกทั้งผอง มนุษย์สัตว์นับถือทำให้ลำพอง เทพนิยายยกย่องให้ท่องจำ
อีก“อสูรวายุภักษ์”นกยักษ์ใหญ่ รูปลักษณ์ใกล้เคียงกันน่าขันขำ นกยักษ์หนึ่งกินลมบินร่อนรำ ที่สูงต่ำท่องทางอย่างเสรี
มีหนึ่งสัตว์ปราศผสมผสานใส่ ชื่อว่า“ไก่ตังเกี๋ย”อะไรนี่ “ไก่เสฉวน,ไก่หอกเอี่ยน”ชื่อยวนยี ภาษาที่พิกลผิดคนไทย
“นกการเวก”เสียงก้องกังวานหวาน คราขันขานสำเนียงเสียงสดใส พริ้งไพเราะเสนาะนานกังวานไกล กล่อมพงไพรสัตว์ป่าเทวาภิรมย์... |
- "อสูรปักษา" เป็นสัตว์ประเภทนก มีส่วนบนเป็นยักษ์ ตั้งแต่ลำตัวลงไปเป็นนก บ้างกล่าวว่ามีส่วนล่างเป็นไก่ตัวผู้ สามารถบินได้ด้วยความเร็วสูง เป็นที่นับถือของสัตว์ทั้งหลาย เช่น กวาง, ม้า รวมทั้งมนุษย์ด้วย - "อสุรวายุพักตร์" ลักษณะใกล้เคียงกับอสูรปักษาตรงที่มีส่วนบนเป็นยักษ์ส่วนล่างเป็นนก ต่างกันตรงที่ส่วนล่างของอสูรวายุพักตร์(นกหน้าลม)เป็นนกอินทรี ส่วนอสูรปักษา เป็นนกกินลมในเรื่องรามเกียรติ์ - "ไก่" เป็นสัตว์หายากในโลกของหิมพานต์ไม่ใช่สัตว์ผสม มีอยู่น้อยชนิด ชื่อว่า ไก่ตังเกี๋ย(Gai Tang Kia), ไก่เสฉวน(Gai Xe Chuan), ไก่หอกเอี่ยน(Gai Hox Ian) จากการออกเสียงทำให้รู้ว่าไก่มีที่มาจากจีน - "นกการเวก" เป็นสัตว์วิเศษ มีเสียงไพเราะเหมือนเสียงจากสวรรค์ แต่มีชื่อเรียกน้อยมาก คือ การเวก, การวิก, โกราวิก คุณสมบัติของเสียงสวรรค์ คือ ต่อเนื่องไม่ขาดตอน, กระจ่างแจ้ง, หวานไพเราะ, เป็นจังหวะ, ผสมกลมกลืน, ไม่หยาบคาย, ลึกซึ้ง และสะท้อน...
เต็ม อภินันท์ สถาบันกวีนิพนธ์ไทย ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑ * ขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพต้นแบบทุกภาพในเน็ต |
อสูรปักษา (มีกายช่วงบนเป็นยักษ์ ช่วงล่างเป็นไก่ตัวผู้ มีเดือย) Cr. Photo By คุณดา ดา
อสุรวายุพักตร์ (มีกายช่วงบนเป็นยักษ์ ช่วงล่างเป็นนกอินทรี) Cr. Photo By คุณนิรันดร์
ไก่ (ลักษณะเช่นไก่ธรรมดาทั่วไปตามแต่ละพันธ์) ขอบคุณรูปวาดไก่จีนจาก Internet
นกการเวก หรือนกการวิก (เป็นนกที่มีเสียงไพเราะยิ่ง สัตว์ทุกชนิดเมื่อได้ยินแล้วจะต้องหยุดทุกกิจกรรมเพื่อฟังเสียง) Cr. Photo By คุณ Megaman X
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ฟองเมฆ, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, Mr.music, รพีกาญจน์, ปิ่นมุก, ชลนา ทิชากร, ปลายฝน คนงาม, มดดำ, กรกช, หนูหนุงหนิง, กอหญ้า กอยุ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
ขอบคุณรูปภาพนี้จากใน Internet โดยคุณ Aksorn Pichai- ว่าด้วย "ครุฑ" พญานก -
มีนกใหญ่ไร้เทียมทันเยี่ยมยุทธ นามว่า“ครุฑ”ฤทธิไกรไร้คู่ข่ม ประวัติยาวพิสดารมีนานนม ขอพาชมเว็บไซต์ให้อ่านกัน... |
สัตว์สำคัญที่สุดในป่าหิมพานต์ คือ “ครุฑ” เป็นพญานกมีร่างกายเป็นครึ่งคนครึ่งนก อีกทั้งยังเป็นพาหนะของพระวิษณุ(พระนารายณ์) เป็นตำนานของตำนาน ส่วนใหญ่มีหัว จะงอยปาก ปีก และกรงเล็บเป็นอินทรี ลำตัวเป็นมนุษย์ ใบหน้ามีสีขาว ปีกสีแดง และร่างที่เป็นสีทองสว่าง
ตำนานของครุฑในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เล่าว่าพญาครุฑเป็นบุตรของพระกัศยปมุนีเทพบิดร และนางวินตา พระกัศยปมุนีองค์นี้เป็นฤษีที่มีฤทธิ์เดชมากองค์หนึ่ง และเป็นผู้ให้กำเนิดเทพอีกหลายองค์ในศาสนาพราหมณ์ พระองค์มีชายาหลายองค์ แต่องค์ที่เกี่ยวข้องกับตำนานพญาครุฑนั้น นอกจากนางวินตาแล้ว ยังมีอีกองค์หนึ่งคือ นางกัทรุ ซึ่งเป็นพี่น้องกับนางวินตาและเป็นมารดาของนาคทั้งปวง
ทั้งสองนางได้ขอพรในการกำเนิดบุตรจากพระกัศยป โดยนางกัทรุได้ขอว่าขอให้มีบุตรจำนวนมาก ซึ่งต่อมาก็ได้ให้กำเนิดนาคเป็นบุตรหนึ่งพันตัว อาศัยอยู่ในแดนบาดาล ส่วนนางวินตาขอบุตรเพียงสององค์และขอให้ลูกมีอำนาจวาสนา เมื่อนางคลอดบุตรปรากฏว่าออกมาเป็นไข่สองฟอง นางทนรอไม่ไหวใคร่รู้ว่าบุตรของตนจะมีหน้าตาอย่างไร จึงทุบไข่ฟองหนึ่ง ปรากฏว่าเป็นเทพบุตรที่มีกายแค่ครึ่งท่อนบนชื่อ“อรุณ” อรุณเทพบุตรโกรธมารดาที่ทำให้ตนออกจากไข่ก่อนกำหนด จึงสาปให้มารดาเป็นทาสนางกัทรุ และให้บุตรคนที่สองของนางเป็นผู้ช่วยนางให้พ้นจากความเป็นทาส จากนั้นจึงขึ้นไปเป็นสารถีให้กับพระอาทิตย์หรือสุริยเทพ นางวินตาไม่กล้าทุบไข่ฟองที่สองออกมาดู รอดูจนถึงกำหนดที่บุตรคนที่สองออกมาจากไข่เอง ปรากฏเป็นพญาครุฑ เมื่อพญาครุฑแรกเกิดนั้นว่ากันว่า มีร่างกายขยายตัวออกใหญ่โตจนจรดฟ้า ดวงตาเมื่อกระพริบเหมือนฟ้าแลบ เวลาขยับปีกทีใด สัตว์ในขุนเขาก็จะตกใจหนีหายไปพร้อมพระพาย รัศมีที่พวยพุ่งออกจากกายมีลักษณะดั่งไฟไหม้ทั่วทั้งสี่ทิศ
ในกาลต่อมา นางกัทรุและนางวินตาได้พนันกันถึงสีของม้าอุไฉศรพที่เกิดคราวกวนเกษียรสมุทรและเป็นสมบัติของพระอินทร์ โดยพนันว่าใครแพ้ต้องเป็นทาสอีกฝ่ายห้าร้อยปี นางวินตาทายว่าม้าสีขาวส่วนนางกัทรุทายว่าสีดำ ซึ่งความจริงม้าเป็นสีขาวดังที่นางวินตาทาย แต่นางกัทรุใช้อุบายให้นาคลูกของตนแปลงเป็นขนสีดำไปแซมอยู่เต็มตัวม้า (บางตำนานว่าให้นาคพ่นพิษใส่ม้าจนเป็นสีดำ) นางวินตาไม่ทราบในอุบายเลยยอมแพ้ ต้องเป็นทาสของนางกัทรุตามสัญญา
ภายหลังเมื่อครุฑได้ทราบสาเหตุที่มารดาต้องตกเป็นทาสและได้ทราบเงื่อนไขจากพวกนาคว่า ต้องไปเอาน้ำอมฤตให้นาคเสียก่อนจึงจะให้นางวินตาเป็นไท ครุฑจึงบินขึ้นสวรรค์ไปเอาน้ำอมฤตซึ่งอยู่กับพระจันทร์ แล้วคว้าพระจันทร์มาซ่อนไว้ใต้ปีก แต่ถูกพระอินทร์และทวยเทพติดตามมา จนเกิดต่อสู้กันขึ้น ฝ่ายเทวดานั้นไม่อาจเอาชนะได้ เมื่อพระอินทร์ใช้วัชระโจมตีครุฑนั้น ครุฑไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่ครุฑก็จำได้ว่าวัชระเป็นอาวุธที่พระอิศวรประทานให้แก่พระอินทร์ จึงสลัดขนของตนให้หล่นลงไปเส้นหนึ่งเพื่อแสดงความเคารพต่อวัชระและรักษาเกียรติของพระอินทร์ผู้เป็นหัวหน้าของเหล่าเทพ ด้านพระวิษณุหรือพระนารายณ์ก็ได้ออกมาขวางครุฑไว้และสู้รบพญาครุฑด้วยเช่นกัน แต่ต่างฝ่ายต่างไม่อาจเอาชนะกันได้ ทั้งสองจึงทำความตกลงยุติศึกต่อกัน โดยพระวิษณุให้พรครุฑว่าจะให้ครุฑเป็นอมตะและให้อยู่ตำแหน่งสูงกว่าพระองค์ ส่วนครุฑก็ถวายสัญญาว่าจะเป็นพาหนะของพระวิษณุ และเป็นธงครุฑพ่าห์สำหรับปักอยู่บนรถศึกของพระวิษณุอันเป็นที่สูงกว่า
เมื่อครุฑได้หม้อน้ำอมฤตนั้น พระอินทร์ได้ตามมาขอคืน ครุฑก็บอกว่าตนต้องรักษาสัตย์ที่จะนำไปให้นาคเพื่อไถ่มารดาให้พ้นจากการเป็นทาส และให้พระอินทร์ตามไปเอาคืนเอง ครุฑจึงเอาน้ำอมฤตไปให้นาคโดยวางไว้บนหญ้าคา (และว่าได้ทำน้ำอมฤตหยดบนหญ้าคา ๒-๓ หยด ด้วยเหตุนี้ หญ้าคาจึงถือเป็นสิ่งมงคลในทางศาสนาพราหมณ์) ส่วนนาคเมื่อเห็นน้ำอมฤตก็ยินดี จึงยอมปล่อยนางวินตาแม่ครุฑให้เป็นอิสระ ขณะพากันไปสรงน้ำชำระกายเพื่อจะมากินน้ำอมฤตนั่นเอง พระอินทร์ก็นำหม้อน้ำอมฤตกลับไป ทำให้นาคไม่ได้กิน พวกนาคจึงเลียที่ใบหญ้าคาด้วยเชื่อว่าอาจมีหยดน้ำอมฤตหลงเหลืออยู่ ทำให้ใบหญ้าคาบาดกลางลิ้นเป็นทางยาว (เรื่องนี้กลายเป็นที่มาว่าทำไมงูจึงมีลิ้นเป็นสองแฉกสืบมาจนทุกวันนี้) แต่นั้นครุฑกับนาคจึงเป็นศัตรูกันมาโดยตลอด และครุฑนั้นก็จะจับนาคกินเป็นอาหารเสมอ
ครุฑมีชายาชื่ออุนนติหรือวินายกา โอรสชื่อ สัมปาติหรือสัมพาที และชฎายุ ตามวรรณคดีพุทธศาสนากล่าวว่าครุฑมีขนาดใหญ่มาก วัดจากปีกข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่งได้ 150 โยชน์ เวลากระพือปีกสามารถทำให้เกิดพายุใหญ่ เกิดมืดมนและทำลายบ้านเมืองให้หมดสิ้นไปได้ ที่อยู่ของครุฑเรียกว่า สุบรรณพิภพ เป็นวิมานอยู่บนต้นสิมพลีหรือต้นงิ้ว อยู่เชิงเขาพระสุเมรุ
ขอขอบคุณความเรียงจากเว็บฯ https://my.dek-d.com/0012/writer/viewlongc.php?id=446421&chapter=114 ในกูเกิลเต็ม อภินันท์ สถาบันกวีนิพนธ์ไทย ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ |
ขอบคุณเจ้าของภาพนี้จากใน Internet
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ลิตเติลเกิร์ล, ปิ่นมุก, ชลนา ทิชากร, รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, ฟองเมฆ, ลมหนาว ในสายหมอก, มดดำ, ก้าง ปลาทู, กรกช, หนูหนุงหนิง, กอหญ้า กอยุ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ปิ่นมุก, ชลนา ทิชากร, รพีกาญจน์, ฟองเมฆ, ลมหนาว ในสายหมอก, น้ำหนาว, มดดำ, ก้าง ปลาทู, กรกช, หนูหนุงหนิง, กอหญ้า กอยุ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
รายนามผู้เยี่ยมชม : ฟองเมฆ, ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, เฒ่าธุลี, Black Sword, รพีกาญจน์, น้ำหนาว, Mr.music, มดดำ, ก้าง ปลาทู, กรกช, ปิ่นมุก, หนูหนุงหนิง, ปลายฝน คนงาม, กอหญ้า กอยุ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, น้ำหนาว, ฟองเมฆ, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, ชลนา ทิชากร, รพีกาญจน์, ลมหนาว ในสายหมอก, มดดำ, ก้าง ปลาทู, กรกช, Mr.music, หนูหนุงหนิง, ปลายฝน คนงาม, กอหญ้า กอยุ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, ฟองเมฆ, มดดำ, ก้าง ปลาทู, กรกช, ชลนา ทิชากร, รพีกาญจน์, น้ำหนาว, ปิ่นมุก, หนูหนุงหนิง, ปลายฝน คนงาม, กอหญ้า กอยุ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, กร กรวิชญ์, เส้นชีวิต ดำเนินไป, ก้าง ปลาทู, กรกช, ลมหนาว ในสายหมอก, ชลนา ทิชากร, รพีกาญจน์, ฟองเมฆ, น้ำหนาว, ปิ่นมุก, หนูหนุงหนิง, ปลายฝน คนงาม, กอหญ้า กอยุ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|